บทที่ 669 สงครามลับเริ่มแล้ว
เรื่องสตรีตระกูลผู้ดี อย่าได้คิดฝันไปเลย!
และเขาจะไม่มีทางทำเรื่องน่าอับอายอย่าง ‘การค้ามนุษย์’ เด็ดขาด
แต่ถ้าหานอวี้หมิงยอมทุ่มเงินทองและใช้วาจาไพเราะสักหน่อย บางทีอาจจะเอาชนะใจหญิงงามในหอโคมเขียวได้ ถึงตอนนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องของเขา
อย่างไรเสีย นี่ก็ถือเป็นการได้แต่งเข้าราชวงศ์ ขึ้นสู่ฟ้าในก้าวเดียว
หลังจากหานอวี้หมิงจากไป หลิ่วหงเหยียนก้าวออกจากห้องด้านหลัง ถ่มน้ำลายลงพื้นด้วยสีหน้ารังเกียจ
“พวกบุรุษเหตุใดถึงไร้ยางอายเช่นนี้”
“ยามเจรจาตกลงกันก็ชักดาบข่มขู่ ท่าทีแข็งกร้าวราวกับจะรบราฆ่าฟัน บัดนี้คลายความตึงเครียดลง ก็หันไปคิดถึงเรื่องสตรีเสียแล้ว”
ฉินเฟิงได้แต่ยักไหล่ มองตามหลังของหานอวี้หมิงที่จากไปด้วยแววตาเห็นใจ
“ไม่อาจโทษเขาได้หรอก”
“ท่านไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือ? สตรีแคว้นเกาชาน ล้วนแข็งแกรงล่ำสันราวกับบุรุษ”
“พอได้พบสาวงามของต้าเหลียง ย่อมไม่อาจหักใจเป็นธรรมดา”
สีหน้าหลิ่วหงเหยียนยังคงดูแคลน นางย้อนถาม
“หานอวี้หมิงเป็นองค์ชาบแคว้นเกาชาน เจ้าเองก็อยากสร้างสัมพันธ์กับแคว้นเกาชาน ไยไม่ยอมรับปาก ส่งสาวงามให้เขาเล่า?”
“เพียงแค่หญิงสาวไม่กี่คน สำหรับเจ้าคงไม่ยากกระมัง?”
ฉินเฟิงเบิกตากว้าง ถอยหลังไปหลายก้าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ไม่ยากหรือ? เหตุใดถึงไม่ยาก!”
“รอบกายข้านอกจากพวกท่านแล้ว ยังมีสตรีใดอีกหรือ?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่เคยเห็นด้วยกับ‘การขายสตรี’ ของคนในยุคนี้เลย”
“สตรีล้วนเป็นมนุษย์ หาใช่สินค้า เหตุใดซื้อขายกันได้ตามใจชอบ?”
“ส่วนที่ข้าให้หานอวี้หมิงไปหอโคมเขียว ถ้าเขาจะไถ่ตัวหญิงงามจากหอโคมเขียวก็เป็นสิทธิ์ของเขา ส่วนสตรี นางย่อมต้องการหนีจากถ้ำปีศาจ ไปใช้ชีวิตสุขสบายในแคว้นเกาชาน ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ นับมีแต่ได้กับได้?”
หลิ่วหงเหยียนปลาบปลื้มกับคำพูดของฉินเฟิงนัก
ยุคสมัยนี้ ผู้ที่กล่าวอ้างว่าเคารพสตรีมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ผู้ที่ทำได้จริงอย่างฉินเฟิงมีน้อยนัก
พอเข้าใจความคิดของฉินเฟิงในเรื่องนี้ หลิ่วหงเหยียนก็เลิกสนใจ กระนั้นก็ยังมีข้อสงใส นางถอนหายใจ แล้วถามว่า
“ข้าไม่เข้าใจ เจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับคนทั้งเบื้องบนเบื้องล่างของแคว้นเกาชาน แต่เหตุใดในการเจรจา เจ้าถึงได้เสนอเงื่อนไขกดขี่นักเล่า?”
“เจ้าไม่เกรงว่า แคว้นเกาชานจะเคียดแค้นบ้างหรือ?”
ฉินเฟิงแย้มยิ้มเย็น
“เคียดแค้น? หากพวกเขาจะแค้น ก็ปล่อยให้แค้นไปเถิด!”
“เรื่องระหว่างแคว้น ไหนเลยจะมีคำว่าไมตรี มีเพียงผลประโยชน์เท่านั้น!”
“การบุกเบิกเส้นทางการค้า ข้าต้องแลกมาด้วยหลายสิ่ง เรื่องจะให้ขาดทุนเอาหน้า ข้าย่อมไม่ทำ!”
“การอุปถัมภ์แคว้นเกาชานไม่ใช่ปัญหาก็จริง แต่ไม่อาจปล่อยให้แคว้นเกาชานเติบใหญ่เกินไปได้ ด้วยสักวันพวกเขาอาจแว้งกัดเราเสียเอง”
แม้หลิ่วหงเหยียนเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง แต่ก็รู้เท่าทันเพียงกลลวงระหว่างพ่อค้ากับปัจเจกชนเท่านั้น ส่วนเรื่องการชิงไหวชิงพริบทางการเมือง นางยังไม่อาจตามทัน
หลังจากนั้น ฉินเฟิงไม่ได้เกียจคร้าน
เขาสั่งให้หลิ่วหมิงส่งมือจากหน่วยอาวุธมืดขององครักษ์เสื้อแพรไปคุ้มครองความปลอดภัยของหานอวี้หมิง
ไม่เพียงแต่ในเมืองหลวง แต่ต้องคุ้มครองส่งเขากลับแคว้นเกาชานอย่างปลอดภัย
ด้วยเกรงว่า อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันถูกหน่วยนกฮูกราตรีโจมตี
เขาเสียน้ำลายไปมาก กว่าจะเจรจากับหานอวี้หมิงลุล่วง จะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้
รุ่งอรุณวันใหม่ ฟ้าเพิ่งสางเท่า เหล่าช่างก็รีบมาแจ้งข่าวแก่ฉินเฟิง
“นายน้อย เตาอบแห้งสนิทแล้วขอรับ”
ฉินเฟิงเด้งตัวลุกจากเตียง แล้วตรงไปยังลานด้านหลัง ปราดเข้าไปดูเตา มช้มือลูบ ๆ คลำ ๆ อย่างหลงใหล
“โอ้ ต้นไม้เงินของข้า!”
“เอาละ เอาของทั้งหมดที่ข้าเตรียมไว้มานึ่งเร็วเข้า!”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ