บทที่ 668 ท่านเลือกของแคว้นเล็ก
หานอวี้หมิงขมวดคิ้วพลันผุดลุก สีหน้าตื่นตระหนก
“เป็นไปไม่ได้!”
“นายน้อยฉิน ครั้งเป่ยตี๋ใช้ข้ออ้างเรื่องการยึดครองแคว้น ข่มขู่ให้แคว้นเกาชานส่งมอบตัวประกันและม้าที่ราบสูง พวกข้าก็ไม่เคยยินยอม”
“ข้อเรียกร้องไร้เหตุผลของท่านวันนี้ ข้าก็ไม่อาจยอมรับได้เช่นกัน”
“ฉินเฟิง ข้าซาบซึ้งในน้ำใจที่ท่านคอยช่วยเหลือเกาชานมาโดยตลอดจริง ๆ”
“แต่ถ้ามองจากมุนมองของบ้านเมือง ข้าไม่มีทางยอมรับข้อเสนอที่ไม่ต่างจากการขายบ้านเมืองของท่านได้!”
ฉินเฟิงพลันยกยิ้ม
ภายในใจอดรู้สึกขบขันไม่ได้
ตระหนกเสียแล้ว?
องค์รัชทายาทของแคว้นเกาชานที่เดินทางไกลมาถึงเมืองหลวงต้าเหลียงผู้นี้ ช่างอ่อนหัดนัก
“องค์ชายหาน ข้อตกลงระหว่างแคว้น ไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ และยิ่งไม่มีสิ่งที่เรียกว่าชนะทั้งสองฝ่าย”
“สิ่งที่เรียกว่าชนะทั้งสองฝ่าย แท้จริงแล้ว ก็คือการชนะสองครั้งของแคว้นใหญ่”
“ความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเล็กกับแคว้นใหญ่ไม่มีวันเท่าเทียม ท่านทำผิดตั้งแต่ที่ใช้มุมมองของแคว้นเกาชานมาจรจากับต้าเหลียงแล้ว”
“ข้าจะพูดตรง ๆ ท่านก็อย่าได้โกรธไปเล่า”
“ข้าสามารถใช้มุมมองของแคว้นต้าเหลียงเจรจากับท่านได้ นั่นก็เพราะต้าเหลียงเป็นแคว้นใหญ่ มีอำนาจที่แข็งแกร่ง”
“กลับกัน ท่านไม่สามารถใช้จุดยืนของแคว้นเกาชานมาเจรจาต่อรองกับข้าอย่างเท่าเทียมได้ นั่นก็เพราะแคว้นเกาชานเป็นแคว้นเล็ก ขนาดเท่าเมล็ดงาเมล็ดถั่วเท่านั้น”
“ท่านทำได้เพียงวางตัวเป็นขุนนางผู้อ่อนน้อม”
“วิธีการเจรจาของแคว้นเล็ก คือ การประนีประนอมอย่างต่อเนื่อง ยอมถอยเพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์”
“เรื่องนี้ท่านต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ได้”
“แน่นอน จากมุมมองของท่าน ข้อตกลงที่ทำให้สูญอิสระและศักดิ์ศรี สามารถรับประกันความสงบสุขของแคว้นเกาชานได้เพียงไม่กี่สิบปี”
“แต่นั่นก็ลดทอนความสูญเสียของบ้านเมือง รักษาความสงบสุขของประชาชนเอาไว้ได้ไม่ใช่หรือ?”
“ถ้าท่านยังยึดมั่นในศักดิ์ศรี ไม่อาจลดตัวลง ก็มีแต่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่แคว้นจะล่มสลาย ครอบครัวพังทลาย”
“จะเลือกทางใดย่อมขึ้นอยู่กับท่าน”
“ข้ามีสิทธิ์เพียงเสนอทางเลือกให้เท่านั้น”
หานอวี้หมิงสับสนและลังเล
คำพูดของฉินเฟิงไม่มีส่วนใดผิด แคว้นเล็กไม่เคยมีคุณสมบัติในในการต่อรอง
แม้แต่แคว้นที่ทรงอำนาจอย่างต้าเหลียงก็ยังต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากเป่ยตี๋อยู่ตลอด
ต้องผ่านสงครามเลือดและไฟครั้งใหญ่ ถึงสามารถบีบให้เป่ยตี๋ขึ้นโต๊ะเจรจาได้
ความสงบสุขของต้าเหลียงก็ต้องจ่ายมาในราคาที่สูงเช่นนี้
แคว้นเกาชานเล็ก ๆ อย่างเขาที่คิดแต่จะรับผลประโยชน์โดยไม่ต้องเสียสิ่งใด ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันนัก
ถ้าพูดตรง ๆ แคว้นเล็กที่ต้องการอยู่รอด ย่อมต้องยอมแลกอิสระภาพกับผลประโยชน์
เพียงแต่ แคว้นเกาชานจะสามารถจ่ายได้มากเพียงใดกัน?
หานอวี้หมิงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจ น้ำเสียงหนักแน่นจากการตัดสินใจอย่างเด็ด้ดี่ยวดังขึ้น
“เรื่องการส่งมอบตัวประกันเป็นไปไม่ได้”
“เรื่องนี้เกี่ยวกับศักดิ์ศรีของแคว้นเกาชาน และความชอบธรรมในการปกครองแคว้นของราชวงศ์หาน”
“ถ้าราชสงศ์หานกล้าส่งตัวประกัน เกียรติภูมิก็จะสั่นคลอน ไม่ต้องรอให้เป่ยตี๋ยกทัพมา เหล่าขั้วอำนาจต่าง ๆ ภายในแคว้นก็สามารถกำจัดราชวงศ์หานของข้าได้ก่อน”
“ส่วนเรื่องการส่งคณะทูตไปเยือน เรื่องนี้พอจะเจรจาได้ แต่พวกเจ้าอย่าได้ฉวยโอกาสสืบเสาะโครงสร้างทหารของแคว้นเกาชานเป็นอันขาด!”
“เรื่องการเพาะพันธุ์ม้าที่ราบสูงก็พอจะเจรจาได้”
“แต่ม้าแม่พันธุ์หนึ่งในสิบส่วนเห็นทีจะมากเกินไป ในการส่งมอบม้า จะให้ม้าแม่พันธ์ุได้เพียงครั้งละสิบตัวเท่านั้น”
“อีกประการหนึ่ง ม้าตัวเมียสิบตัว ไม่อาจขายในราคาตลาดได้ จำต้องซื้อแยกต่างหาก ในราคาที่สูงกว่าท้าตัวผู้สามเท่า”
ฉินเฟิงรับผังข้อต่อรองของหานอวี้หมิง เขาไม่มีท่าทีลังเลสักนิด ทั้งยังรับคำอย่างยินดี
แท้จริงแล้ว เดิมทีฉินเฟิงก็ไม่ได้คิดจะให้หานอวี้หมิงยอมรับเงื่อนไขทั้งหมด
นี่เป็นเพียงกลยุทธ์ในการเจรจา
เริ่มด้วยการยื่นข้อเสนอให้มากกว่าที่คาดหวัง ให้อีกฝ่ายยอมเปิดเผยข้อจำกัดที่พอแบ่งรับได้ออกมา


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ