บทที่ 712 ข้าจะไม่ยอมให้ท่านต้องทุกข์อีกแล้ว
แม้ใบหน้าเล็ก ๆ ของสาวใช้ทั้งสองคนจะแดงระเรื่อด้วยความอาย แต่พวกนางก็พร้อมใจกันพยักราวกับลูกไก่จิกข้าว
เสี่ยวเซียงเซียงรวบรวมความกล้า ส่งเสียงครางตอบรับเบา ๆ “อืม”
ชูเฟิงหน้าแดงก่ำราวกับเลือดจะหยดออกมาแล้ว แต่นางก็ไม่หลบเลี่ยง ทั้งยังช้อนตาสบตาฉินเฟิงด้วย
หลังต้องแยกจากกันนาน นิสัยของสองสาวก็เปลี่ยนไปไม่น้อย
ฉินเฟิงลูบศีรษะสาวน้อยทั้งสองคน หัวใจเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“พวกเด็กโง่ คิดก็คือคิด ไม่คิดก็ช่างปะไร มีอะไรให้ต้องอาย ที่นี่หาได้มีคนนอก!”
เดิมสาวใช้ทั้งสองคนยังลังเลอยู่บ้าง
แต่พอได้ยินคำพูดของฉินเฟิง พวกนางก็กล้าขึ้นมา
ใช่แล้ว!
ภายในห้องมีคนเพียงสี่คน ไม่มีคนนอกสักเดียว มีอะไรให้ต้องลังเลอีกหรือ?
เสี่ยวเซียงเซียงพลันกอดแขนของฉินเฟิง แล้วเขย่าเบา ๆ
“นายน้อย ข้าคิดถึงท่านเหลือเกินเจ้าค่ะ”
“นับแต่ท่านกลับมาเมืองหลวง ข้าแทบไม่ได้อยู่กับท่านเลย แม้ได้พบกันบ้างก็เพียงชั่วครู่ชั่วยาม ไม่ทันได้พูดคุยก็ต้องจากกันแล้ว”
“นายน้อย เมื่อไรข้าจะได้อยู่เคียงข้างท่านตลอดเหมือนแต่ก่อนเจ้าคะ”
ฉินเฟิงถอนหายใจเบา ๆ ลูบศีรษะเสี่ยวเซียงเซียงด้วยความเอ็นดู
เสี่ยวเซียงเซียงพูดไม่เกินจริงสักนิด นับแต่จากอำเภอเป่ยซีมายังเมืองหลวง ฉินเฟิงพัวพันอยู่กับเรื่องวุ่นวายสารพัด ไม่อาจหลีกหนี
เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่หญิงสามพาสาวใช้ทั้งสองคนกลับบ้าน แต่พบหน้ากัน นั่งก้นยังไม่ทันอุ่น พวกนางก็ต้องกลับเข้าพระราชวังแล้ว
พอเห็นสายตาน่าสงสารราวกับถูกทอดทิ้งของเสี่ยวเซียงเซียง ฉินเฟิงอยากจะปลอบประโลมสักสองสามคำ แต่ก็ไม่อยากพูดเลื่อนลอย
สุดท้ายเขาเลยพูดออกมาตรง ๆ ว่า “รอให้ข้าได้แต่งงานกับพี่หญิงสาม เจ้ากับชูเฟิงก็จะได้กลับมาอยู่ตระกูลฉินในฐานะสาวใช้สินเดิม”
“และวันนั้นก็คงอีกไม่นานแล้ว”
พอได้ยินแบบนี้ เสี่ยวเซียงเซียงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพลางพยักหน้า “นายน้อย บ่าวเชื่อใจนายน้อยเจ้าค่ะ”
ชูเฟิงที่อยู่ข้าง ๆ พอรู้ว่าจะได้กลับไปตระกูลฉินเร็ว ๆ นี้ก็ดีใจจนน้ำตาคลอ
นางติดตามคุณหนูสี่มาตั้งแต่เด็ก ท่องไปทั่วหล้า เป็นคนอยู่ไม่ติดที่ อยู่นิ่งไม่ได้
ตอนนี้ต้องอยู่แต่ในวังหลังทั้งวัน ทั้งกระวนกระวายใจและยิ่งทรมาน แต่เพื่อคุณหนูสาม นางก็จำต้องกัดฟันทน
พอรู้ว่าอีกไม่นานก็จะได้กลับบ้าน ชูเฟิงปลาบปลื้มยินดีนัก
“นายน้อย พอท่านกับคุณหนูสามแต่งงานกัน พวกข้าก็ไม่ต้องกลับมาพระราชวังต้องห้ามอีกแล้วใช่หรือไม่?”
ฉินเฟิงพยักหน้า ชูเฟิงพลันตื่นเต้นนัก ใบหน้าเล็ก ๆ แดงระเรื่อ
สำหรับผู้อื่น พระราชวังต้องห้ามอาจเป็นตัวแทนของความหรูหรา ฟุ้งเฟ้อ มีเสน่ห์ดึงดูด
แต่สำหรับหลี่เซียวหลานกับสาวใช้ทั้งสองนาง พระราชวังต้องห้ามเป็นเพียงคุกที่ขังพวกนาง
สิ่งเดียวที่ทำให้ที่นี่ต่างจากคุกอยู่บ้าง เห็นจะมีแต่เรื่องอาหารเท่านั้น
หลังปลอบประโลมสาวน้อยสองนางแล้ว ฉินเฟิงก็หันมองพี่หญิงสาม พระราชวังต้องห้ามมีระเบียบกฎเกณฑ์ แม้แต่ในที่รโหฐาน หลี่เซียวหลานก็ยังต้องแต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศ
ชุดเฟิ่งผาวสีดำแดง ด้านบนเป็นสีแดง ด้านล่างเป็นสีดำ ลายหงส์สง่างามยิ่ง
ยิ่งหลี่เซียวหลานเกิดมาพร้อมบุคลิกมั่นคงสงบนิ่ง ราวกับไท่ซานถล่มตรงหน้าก็ไม่สะทกสะท้าน ยามอยู่ในชุดเฟิ่งผาว เพียงแค่นั่งอยู่ก็สมกับคำว่า ‘ราชวงศ์’ แล้ว
แต่พอนึกถึงความทุกข์ที่หลี่เซียวหลานต้องเผชิญ หัวใจของฉินเฟิงเจ็บปวดนัก
ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ