บทที่ 725 หลี่ยงโกรธจัด
เหล่าขุนนางเดินออกจากท้องพระโรง สีหน้าผ่อนคลอย จางซิวเย่ไม่อาจเชื่อสายตา
ตอนเขาออกจากท้องพระโรง บรรยากาศกำลังตึงเครียดถึงขีดสุด
พอออกมายืนอยู่หน้าประตู ก็ได้ยินเสียงคำรามดังลอดออกมา เห็นได้ชัดว่า สถานการณ์เลวร้าย
จางซิวเย่กับรองผู้บัญชาการทหารรักษาพระราชวังถึงกับเตรียมพร้อมแล้ว แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นอีกเรื่องเสียอย่างนั้น
ช่างประหลาดเหลือเกิน!
จางซิวเย่รีบวิ่งเข้าไปในท้องพระโรง ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเสด็จออกไปแล้ว เขาเลยรีบมุ่งหน้าไปยังห้องทรงพระอักษร
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงประทับอยู่หลังโต๊ะทรงงาน เริ่มตรวจแก้ฎีกาเช่นเคย สีพระพักตร์ผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยได้เห็น
จางซิวเย่อดสงสัยไม่ได้ รีบทูลถามเสียงเบา “ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นในท้องพระโรงหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ว่ากระหม่อมบังอาจสอดรู้สอดเห็นความลับ แต่เป็นเพราะ…”
ไม่ทันที่จางซิวเย่จะพูดจบ ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็ตรัสแทรกเสียงเบา “เจิ้นรู้ว่าเจ้าคิดอะไร เจิ้นจะบอกเจ้าเพียงประโยคเดียว ไม่จำเป็นต้องคิดให้มาก”
“ตอนนี้แผ่นดินต้าเหลียงสงบสุข ส่วนเจ้าแค่ทำหน้าที่ของตนให้ดีก็พอแล้ว”
แล้วฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงก็ทรงโบกพระหัตถ์ เป็นสัญญาณให้จางซิวเย่ถอยออกไป
พอในห้องทรงพระอักษรเหลือเพียงฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียง เขาก็เงยหน้าขึ้น ทอดสายตามองท้องฟ้านอกหน้าต่าง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
ดังคำกล่าวที่ว่า กระดาษไม่อาจห่อไฟ เรื่องที่เกิดขึ้นในท้องพระโรงวันนี้ ไม่ช้าเร็วก็คงแพร่สะพัดไปทั่ว
ทุกคนจะได้รู้ว่า ฉินเฟิงได้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ค้ำจุนราชวงศ์ที่กำลังจะล่มสลาย
ข่าวนี้กระจายออกไปช้าเท่าไรก็ยิ่งดี
ด้วยหากตระกูลใหญ่ทางใต้และเป่ยตี๋ล่วงรู้ว่าฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงคืนดีกับฉินเฟิงแล้ว พวกเขาก็ต้องตอบสนอง ถึงตอนนั้นย่อมก่อปัญหาให้
เหตุการณ์วันนี้ พูดตามตรง ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงคาดไม่ถึงจริง ๆ
เขารู้ว่าฉินเฟิงเป็นขุนนางที่ภักดี แต่ไม่คาดคิดว่า ฉินเฟิงจะภักดีอย่างแน่วแน่เพียงนี้ ถึงขั้นหยุดยั้งตนเองได้ในช่วงสุดท้ายก่อนจะมีอำนาจล้นฟ้า
ฉินเฟิงยินดีสวามิภักดิ์ สำหรับฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงนับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงเหนื่อยล้าเต็มที เขารู้ว่าฉินเฟิงไม่ธรรมดา ถ้ายังขัดแย้งยืดเยื้อต่อไป แม้แต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะฉินเฟิงได้
การประนีประนอมวันนี้ นอกจากความไว้วางใจในตัวฉินเฟิง สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงเอง
ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงส่ายหน้า แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “ฮ่า ๆ ฉินเฟิง ฉินเฟิง นับแต่เจ้านำเครื่องแต่งกายของหลี่หลางกลับเมืองหลวง ทั้งภายในภายนอกเมืองหลวงตึงเครียดราวกับศึกสงครามพร้อมจะปะทุทุกเมื่อ”
“แม้แต่เจิ้นก็คิดว่าหายนะจากการขัดแย้งนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว”
“ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะทำให้เจิ้นประหลาดใจได้อีกครั้ง”
“ประหลาดใจจริง ๆ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจิ้นก็จะให้เวลาเจ้า และให้เวลาเจิ้นเองด้วย ส่วนเรื่องในภายภาคหน้าไม่ใช่สิ่งที่เจิ้นต้องกังวล”
เป็นอย่างที่ฮ่องเต้แคว้นต้าเหลียงคาดการณ์ ยังไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา เหตุการณ์ในท้องพระโรงที่ควรจะเป็นความลับ แพร่ไปถึงหูของหลี่ยงที่ตำหนักบูรพาแล้ว
หลี่ยงกำลังนอน ในมือถือหนังสือ ‘จือจื้อทงเจี้ยน’ พอได้ยินรายงานของเสี่ยวจั๋วจื่อก็ผุดลุก
“อะไรนะ? ฝ่าบาทกับฉินเฟิงคืนดีกันแล้ว?!”
“เป็นไปไม่ได้! ข้ารู้จักนิสัยของฝ่าบาทดี เมื่อฝ่าบาทเริ่มระแวงผู้ใด ก็จะระแวงไปจนตาย!”
ไม่รอให้เสี่ยวจั๋วจื่อตอบ หลี่ยงก็ส่ายหน้าพลางหัวเราะขมขื่น ก่อนจะเข้าใจ
“ฮะฮ่าฮ่า แล้วอย่างไร? ด้วยกำลังของฉินเฟิงตอนนี้ ใครจะกดข่มเขาได้อีก?”
สีหน้าของเสี่ยวจั๋วจื่อดูเลวร้ายอย่างที่สุด ดังคำกล่าวที่ว่า หนึ่งคนบรรลุเซียน ไก่หมาพลอยขึ้นสวรรค์
ถ้าหลี่ยงได้สืบทอดบัลลังก์ เสี่ยวจั๋วจื่อก็จะกลายเป็นหัวหน้าขันที มีอำนาจเด็ดขาดในวังหลัง
ผลประโยชน์ของหลี่ยง ก็คือเป็นผลประโยชน์ของเสี่ยวจั๋วจื่อด้วย
เสี่ยวจั๋วจื่อเอ่ยเสียงทุ้ม “องค์ชาย ฮ่องเต้ต้าเหลียงไม่เพียงคืนดีกับฉินเฟิง แต่ยัง…ยังพระราชทานบรรดาศักดิ์เทียนลู่โหวให้ด้วย”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ