บทที่ 737 การวางรากฐานก่อนการโจมตีเมือง
สีหน้าหลู่ฉือพลันเปลี่ยนไป เขาฉวยสารลับมาถือ มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น แล้วจึงถอนหายใจยาว
หลู่ฉือจ้องรองแม่ทัพอย่างดุดัน “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ? กล้าเก็บสารชักชวนให้ยอมแพ้จากศัตรูไว้ ถ้ามีคนนอกพบเข้า แม้เจ้าจะมีหัวร้อยหัวก็ไม่พอให้ตัด!”
“รีบกำจัดความคิดทิ้งไปเสีย เผาจดหมายทิ้งไปด้วย!”
แม้หลู่ฉือจะไม่ชอบหน้าหม่าถิงอวิ๋น แต่คุณค่าของเทือกเขาสยงอิงเขารู้ดี
หากเทือกเขาสยงอิงแตก อย่าว่าแต่หม่าถิงอวิ๋นเลย แม้แต่เขาเองก็หนีไม่พ้นโทษตัดหัว
ถ้าไม่ใช่เพราะรองแม่ทัพเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าแก่ หลู่ฉือคงประหารไอ้สารเลวที่คิดทรยศเสียตรงนี้
รองแม่ทัพยังไม่ยอมแพ้ “ท่านแม่ทัพ ราคาที่ฉินเฟิงเสนอมาเกินกว่าที่ท่านจะคาดคิดทีเดียว อย่าว่าแต่พวกเราต่อสู้ทั้งชีวิต แม้ต่อสู้สิบชาติก็ไม่มีทางหาได้”
พอรองแม่ทัพนึกถึงราคาที่ฉินเฟิงเสนอ ใบหน้าก็พลันแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
“แค่เงินอย่างเดียวก็ห้าแสนตำลึงเข้าไปแล้ว ไหนยังจะจัดหาบ้านเรือนและที่ดินให้พวกเราในต้าเหลียง แค่พวกเราพยักหน้าก็จะได้เป็นเจ้าของที่ดินผู้ร่ำรวยที่สุดในแคว้นต้าเหลียงทันที”
“ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสัญญาว่าจะช่วยซ่อนตัวตนเรา ไม่ให้หน่วยนกฮูกราตรีค้นพบร่องรอยได้ พวกเจ้าจะได้อยู่อย่างสุขสบายไปชั่วลูกชั่วหลาน”
ห้าแสนตำลึง…
เมื่อทราบราคาที่ฉินเฟิงเสนอ แม้แต่หลู่ฉือก็ตกตะลึง
สมแล้วที่เป็นฉินเฟิง ใจกว้างเสียจริง!
ครั้นคำนึงถึงความสามารถของหน่วยนกฮูกราตรี ห้าแสนตำลึงนี้ น่ากลัวว่าจะได้มาแล้วจะไม่มีโอกาสใช้
แต่ฉินเฟิงก็วางแผนทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว ทั้งทางหนีและ ‘วิธีซ่อนตัวตน’ ทำให้หลู่ฉือหวั่นไหวได้ไม่น้อย
แต่พอนึกถึงว่าต้องทรยศแผ่นดินเกิดอย่างเป่ยตี๋ หลู่ฉือก็ลังเลอีก
มองดูสารในมืออีกครา หลู่ฉือขมวดคิ้วแน่น “เจ้าได้นี่มาจากที่ใด?”
รองแม่ทัพไม่ได้ปิดบัง พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ทั้งเทือกเขาสยงอิงถูกกองทัพของฉินเฟิงล้อมไว้หมดแล้ว นอกกำแพงเมืองทั้งสี่ด้านล้วนมีทหารม้าแคว้นเป่ยซีเคลื่อนไหว”
“เมื่อคืนมีคนใช้ธนูยิงสารนี้เข้ามาในเมือง ทหารยามคนหนึ่งเก็บได้ ผ่านมือหลายคนกว่าจะตกมาอยู่ในมือข้า”
“หลังจากนั้นข้าได้ลองสืบดู เมื่อคืนมีจดหมายถูกยิงเข้ามาในเมืองกว่าร้อยฉบับทีเดียว”
“นอกเหนือจากฉบับนี้ จดหมายที่เหลือทั้งหมดข้าน้อยทำลายไปแล้ว ทั้งยังสั่งให้ผู้รู้เรื่องนี้ปิดปากเงียบเรียบร้อย”
ได้ยินแบบนี้ หลู่ฉือก็ถอนหายใจโล่งอก
คิดไปคิดมาอยู่ครู่หนึ่ง หลู่ฉือก็ส่ายหน้าอีกครั้ง “ไม่ได้! เป่ยตี๋มีบุญคุณต่อเรามาหลายชั่วอายุ จะทรยศแผ่นดินเกิดเพราะโลภมากในลาภยศได้อย่างไร?”
ตอนนั้นเอง ลิวฉือ นายประตูที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ ก็เข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน
“ท่านแม่ทัพ โอกาสมาถึงแล้วต้องคว้าเอาไว้นะขอรับ ผ่านหมู่บ้านนี้ไปแล้ว อาจไม่มีแหล่งน้ำอีก”
“เมื่อครู่ตอนแม่ทัพออกไปรบนอกเมือง คนของฉินเฟิงก็ยิงจดหมายลับให้ยอมจำนนเข้ามาในเมืองอีก ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่รู้ว่าจะบอกแม่ทัพอย่างไร ตอนนี้ดีแล้ว ฉินเฟิงเพิ่มค่าตอบแทน แค่แม่ทัพพยักหน้า ก็จะได้รับเงินห้าแสนตำลึงแต่เพียงผู้เดียว ส่วนแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ยินดีจะยอมจำนนจะได้รับคนละหนึ่งแสนตำลึง”
รองแม่ทัพตาเป็นประกาย รีบโน้มน้าว “รออะไรอีกขอรับ เพื่อตอบแทนแผ่นดินเราใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมาหลายปี พี่น้องนับไม่ถ้วนต้องหลั่งเลือด แล้วผลเป็นอย่างไร?”
“เจ้าหม่าถิงอวิ๋นนั่น เห็นศพของทหารที่เสียชีวิตในสงครามถูกลบหลู่กลับไม่สะทกสะท้าน”
“พูดให้ถึงที่สุดแล้ว นั่นก็คงเป็นชะตากรรมของพวกเราในอนาคตเช่นกัน!”
“ความสามารถของฉินเฟิง พวกเราล้วนประจักษ์ ถ้าเขาอยากยึดเทือกเขาสยงอิง ป้องปราการนี้ก็อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว รอให้ประตูเมืองถูกทำลาย พวกเราไม่เพียงแต่จะพลาดโอกาส แต่ยังต้องยื่นคอให้ไปให้เขาตัดไม่ต่างจากไก่สุนัข”
หลู่ฉือก้มหน้านิ่งเงียบ กำสารแน่น นึกถึงเมื่อครู่ที่หม่าถิงอวิ๋นไม่สนใจความเสียสละของทหาร ภายในใจก็หนาวเหน็บขึ้นมา
แต่การทรยศบ้านเมือง แสวงหาลาภยศ สำหรับหลู่ฉือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากยิ่ง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ