บทที่ 799 มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงเป่ยตี๋
ขณะที่หลินฉวีฉีกำลังวุ่นวายกับการหาที่ดินสร้างที่พักให้ฉินเฉิงซื่อ บทกวี ‘ทำลายค่ายกล’ ของฉินเฟิงก็แพร่สะพัดไปตามสายลมตะวันออก
ทางทิศตะวันออกของแคว้นต้าเหลียงคืนที่ผ่านมาหิมะตกหนัก ภูเขาไท่ซานปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนงดงามจนพรรณนาไม่ถูก
บริเวณตำหนักเชิงเขา ฮ่องเต้ต้าเหลียงยืนเอามือไพล่หลัง มองไปทางเมืองหลวง พึมพำกับตัวเอง
“ม้าดำวิ่งเร็วปานสายฟ้า คันธนูสั่นสะเทือนไหว สำเร็จราชกิจใต้หล้าแล้ว ได้ชื่อเสียงทั้งยามเป็นและยามตาย น่าสงสารผมขาวที่งอกขึ้นมา!”
“ฉินเฟิง เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจได้เสมอจริง ๆ”
เมื่อนึกถึงว่าจะไม่ได้พบฉินเฟิงในเร็ววัน สายตาของฮ่องเต้ต้าเหลียงก็หม่นหมองลง
แม้ใต้หล้านี้ ฮ่องเต้ต้าเหลียงจะหวาดระแวงฉินเฟิงที่สุด แต่เขาฉินเฟิงเข้าใจเขาที่สุด หากไม่มีฉินเฟิง ชีวิตของเขาย่อมเหงา
ฮ่องเต้ต้าเหลียงถอนหายใจเบา มองไปยังฉีหยางจวิ้นจู่ที่รีบร้อนมาจากเมืองหลวง
“ฉีหยาง เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้ทุกอย่าง”
“บัดนี้ถึงเวลาที่ตกลงกันไว้แล้ว แต่การปราบปรามตระกูลหลินในเจียงหนานยังไม่มีความคืบหน้า เห็นได้ชัดว่าองค์ชายเจ็ดประสบปัญหา แม้จะได้เป็นตัวแทนฮ่องเต้ก็ยังไม่สามารถออกคำสั่งตระกูลฉินได้”
“ด้วยวิธีการขององค์ชายเจ็ด เมื่อรู้ว่าการปราบปรามตระกูลหลินไร้ความหวัง เขาย่อมทุ่มเทกำลังทั้งหมดรักษาตำแหน่งของตนเอง”
“ยามนี้ในเมืองหลวงมีเหล่าขุนนางกี่มากน้อยที่หันไปเข้าร่วมกับองค์ชายเจ็ดเล่า?”
เผชิญหน้ากับคำถามของฮ่องเต้ต้าเหลียง หัวใจฉีหยางจวิ้นจู่หนักอึ้ง
ความจริงนางเองไม่ควรมาพบฮ่องเต้ต้าเหลียง ถึงอย่างไรหลี่ยงก็ได้ครองอำนาจในเมืองหลวงทีละนิดแล้ว หากนางสนิทสนมกับฮ่องเต้ต้าเหลียงเกินไป อาจจะทำให้มารดาของนางพลอยเดือดร้อน
ทว่าการมาพบฮ่องเต้ต้าเหลียงของฉีหยางจวิ้นจู่คราวนี้เป็นความประสงค์ขององค์หญิงใหญ่
เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ถึงองค์หญิงใหญ่จะหันไปเข้าข้างฮองเฮา แต่ก็ไม่อาจทรยศต่อฮ่องเต้ต้าเหลียงได้อย่างสิ้นเชิง บางคำพูดก็ยังคงต้องแจ้งให้ทราบ
ฉีหยางจวิ้นจู่กัดริมฝีปากบาง พลางเอ่ยเสียงนุ่มนวล “ทูลฝ่าบาท เหล่าขุนนางฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้เข้าร่วมกับองค์ชายเจ็ดทั้งหมดแล้วเพคะ นอกจากพลพรรคเถาหลินและขุนนางผู้ซื่อตรง ไม่มีผู้ใดต่อต้านองค์ชายเจ็ดอีกแล้วะ”
ผลลัพธ์ไม่ต่างจากที่ฮ่องเต้ต้าเหลียงคาดการณ์
ถึงอย่างไรฝ่ายสันบสนุนฮ่องเต้ก็จงรักภักดีต่อฮ่องเต้ผู้นั่งบนบัลลังก์ นับตั้งแต่ฮ่องเต้ต้าเหลียงตัดสินใจเสด็จประพาสทางตะวันออก ตำแหน่งฮ่องเต้ของเขาก็เหลือเพียงชื่อ ทว่าไร้อำนาจ
ฮ่องเต้ต้าเหลียงไม่ได้คาดหวังว่าหลี่ยงจะคืนบัลลังก์ให้อย่างว่าง่าย แม้จะครบกำหนดแล้ว เขาจึงยังไม่มีแผนที่จะกลับเมืองหลวง
เห็นฮ่องเต้ต้าเหลียงเงียบไปนาน ฉีหยางจวิ้นจู่เศร้าใจนัก “ฝ่าบาท พระองค์ทรงรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นนี้ เหตุใดยังตัดสินใจเสด็จประพาสทางทิศตะวันออกเพคะ?”
สีหน้าอมทุกข์ของฮ่องเต้ต้าเหลียงในที่สุดก็ปรากฏรอยยิ้ม
“ฉีหยาง เจ้าคิดว่าข้าแพ้แล้วหรือ? ฮ่า ๆๆ วางใจเถิด บัลลังก์ที่องค์ชายเจ็ดนั่งยังไม่มั่นคง”
“แม้เขาจะควบคุมฝ่านสนุบสนุนฮ่องเต้ได้ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากราชครูและฮองเฮา แต่เขายังขาดการสนับสนุนจากสองกองกำลังสำคัญที่สุด หรือก็คือ พลพรรคเถาหลินที่มีตระกูลฉินเป็นผู้นำ และขุนนางผู้ซื่อตรงที่มีเฉินเจิ้งเป็นผู้นำ พวกเขาย่อมไม่ยอมโอนอ่อนไปกับองค์ชายเจ็ดง่าย ๆ”
“ตระกูลฉินครองอำนาจครึ่งหนึ่งของราชสำนัก ฉินเทียนหู่ทั้งเสนาบดีกรมกลาโหม ทั้งยังเป็นมหาเสนาหนึ่งในสามขุนนางใหญ่ ส่วนเฉินเจิ้งผู้นำของขุนนางผู้ซื่อตรงก็เป็นเสนาบดีกรมมเาหลวงควบตำแหน่งเส่าเป่า ด้วยนิสัยของเฉินเจิ้ง เขาไม่มีทางยอมองค์ชายเจ็ด”
“หากเฉินเจิ้งรักษาความเป็นกลาง เพียงแค่ตระกูลฉินก็ทำให้ความพยายามขององค์ชายเจ็ดสูญเปล่าได้แล้ว”
เห็นฮ่องเต้ต้าเหลียงประเมินตระกูลฉินไว้สูงเช่นนี้ ฉีหยางจวิ้นจู่อดสงสัยไม่ได้



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ