บทที่ 824 ศึกภูเขาไท่
ข่าวความพ่ายแพ้ของปีกขวาแพร่สะพัดไปถึงหูของหลี่อวี้ซิวอย่างรวดเร็ว เขาตกใจจนไม่สามารถตั้งสติได้อยู่นาน แล้วความประหลาดใจก้เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีกองทหารม้าแต่การที่สามารถเจาะทะลุแนวป้องกันปีกขวาได้ในเวลาสั้น ๆ ทั้ง ๆ เผชิญหน้ากับกองทัพห้าพันคนที่ประกอบด้วยทหารราบเกราะหนักและพลธนู ความสามารถในการรบของกองทัพสนับสนุนได้ทำลายความเข้าใจของหลี่อวี้ซิวอย่างสิ้นเชิง
ทั่วทั้งแคว้นต้าเหลียง กองทัพเพียงหนึ่งเดียวที่มีความสามารถในการรบเช่นนี้ก็มีแต่กองทัพชายแดนเหนือซึ่งมีประสบการณ์การรบจริงมากมายจากการต่อสู้กับเป่ยตี๋มานาน
“ฉินเฟิง! เป็นฉินเฟิง!” หลี่อวี้ซิวตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ดวงตาเขาเบิกกว้าง “กองทัพสนับสนุนฮ่องเต้ต้องเป็นฉินเฟิงที่ส่งมาแน่ เร็วเข้าถ่ายทอดคำสั่งของข้าลงไป ให้กองกำลังหลักมาต้านไว้!”
พอหลี่อวี้ซิวผู้เป็นแม่ทัพตื่นตระหนก หม่าชูก็เกรงว่าจะทำให้ขวัญกำลังใจของทหารสั่นคลอน เขารีบเอ่ยเตือนเสียงเบา “ท่านแม่ทัพ! ตอนนี้ฉินเฟิงอยู่ที่เมืองหลวงเป่ยตี๋ และกองทัพที่ชายแดนเหนือก็ยังไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เป็นไปไม่ได้เลยที่กองทัพสนับสนุนที่มาช่วยฮ่องเต้จะเป็นกองกำลังของฉินเฟิง!”
หม่าชูเคยรับราชการทหารที่ชายแดนเหนือมาก่อน และเขาเองก็เคยต่อสู้กับกองทัพเป่ยตี๋ ในความคิดของเขา ไม่ว่ากองทัพสนับสนุนที่มาช่วยฮ่องเต้ต้าเหลียงตอนนี้จะเป็นคนของฉินเฟิงหรือไม่ พวกเขาก็ไม่ควรแสดงอาการตื่นตระหนก
ต้องรู้ไว้ว่า กองทัพกบฏสามหมื่นคนประกอบขึ้นจากกำลังพลของฝ่ายต่าง ๆ ที่รวบรวมมาจากทั่วสารทิศ แม้จะมีกำลังพลมากและอาวุธยุทโธปกรณ์ดีเยี่ยม แต่ทั้งขวัญกำลังใจและความสามัคคีไม่น่าพอใจนัก
เพียงการโจมตีภูเขาไท่และการต่อสู้กับทหารองครักษ์ห้าพันคนมาจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็สูญเสียกำลังพลไปเกือบสามพันคนแล้ว
สามหมื่นคนสู้กับห้าพันคนแต่ความสูญเสียกลับใกล้เคียงกัน หากไม่ใช่เพราะอาศัยความได้เปรียบด้านจำนวนคนที่ท่วมท้น พวกเขาคงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว บัดนี้เผชิญหน้ากับกองทัพช่วยเหลือฮ่องเต้ต้าเหลียงที่มีพลังรบแข็งแกร่งก็จำเป็นต้องรักษาแนวรบให้มั่นคง มิฉะนั้นหากขวัญกำลังใจของทหารสั่นคลอน ไม่ต้องรอให้ฝ่ายตรงข้ามบุกโจมตี กองทัพสามหมื่นคนแตกพ่ายได้
หลี่อวี้ซิวไม่ใช่คนไร้ความสามารถ เขาดำรงตำแหน่งนายกองในค่ายตะวันออก ถือเป็นขุนนางระดับกลางในกองทัพประจำการณ์เมืองหลวง เคยเผชิญสถานการณ์มามากมาย มีเพียงชื่อของฉินเฟิงที่ทำให้เขาสับสนวุ่นวายได้
ด้วยความหวาดกลัวฝังลึกในกระดูก
หม่าชูไม่ได้เห็นภาพอันน่าสะพรึงกลัวที่ฉินเฟิงนำองครักษ์จากค่ายเทียนจีเข้าสังหารทหารรักษาพระองค์และองครักษ์หลวงจนล้มตายระเนระนาดที่ลานประหาร แล้วชิงตัวเซี่ยปี้ไป
หลี่อวี้ซิวได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง เขารู้ดีว่าพลังของฉินเฟิงแข็งแกร่งเพียงใด “ทั่วหล้า กองทัพที่มีพลังการต่อสู้เช่นนี้นอกจากชายแดนเหนือแล้วก็ไม่มีที่ใดอีก!”
“กองทัพช่วยเหลือฮ่องเต้คราวนี้ต้องเป็นกองกำลังภายใต้การบังคับบัญชาของฉินเฟิงแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย!”
“มีเพียงการส่งกองกำลังหลักไปเผชิญหน้าถึงจะพอต้านทานการโจมตีของศัตรูได้ หาไม่ ส่งกองกำลังขนาดเล็กออกไปจะกลายเป็นกลยุทธ์สุมฟืนเข้ากองไฟ ขวัญกำลังใจทหารฝั่งเราจะพังทลายเร็วขึ้น!”
หลี่อวี้ซิวรู้ดีแก่ใจ หากส่งกำลังหลักออกไปจะไม่สามารถบุกทะลวงแนวป้องกันภูเขาไท่ได้อีก แต่องครักษ์รอบกายฮ่องเต้ต้าเหลียงล้วนเป็นทหารกล้าพร้อมสู้พลีชีพ หากอยากจับกุมฮ่องเต้ต้าเหลียงก็จำเป็นต้องสังหารองครักษ์ทั้งหมดให้สิ้นซาก
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อถึงเวลานั้นการต่อสู้สองด้านจะยิ่งทำให้พวกเขาเสียเปรียบ
ก่อนอื่นต้องรวบรวมกำลังหลัก มุ่งเน้นการจัดการกับกองทัพสนับสนุน เมื่อจัดการกับกองทัพสนับสนุนได้แก็จะดำเนินการบุกภูเขาไท่ต่อไปได้อย่างเป็นระบบ
ด้านหนึ่งเป็นปลายหอก อีกด้านหนึ่งคือทหารท่าทางดุดัน เมื่อต้องเลือกกำจัดภัยร้ายสองอย่าง ย่อมต้องเลือกภัยที่ร้ายแรงกว่าก่อน
พอเห็นท่าทีหลี่อวี้ซิวเด็ดเดี่ยว หม่าชูก็ไม่ยืนกรานคัดค้าน รีบถ่ายทอดคำสั่งลงไป ระดมพลหนึ่งหมื่นห้าพันคนไปทางปีกขวาเพื่อสกัดกั้นกองทัพสนับสนุนฮ่องเต้ต้าเหลียง
กองทัพขนาดหนึ่งหมื่นห้าพันคนไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ไม่อาจมองข้าม ข้อได้เปรียบของพวกเขาชัดเจน แค่อาศัยจำนวนคนก็กดดันศัตรูได้แล้ว แต่ข้อเสียเปรียบก็ไม่ใช่ไม่มี การเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางทหารกะทันหัน สำหรับกองทัพขนาดใหญ่ก็ยากที่จะปรับเปลี่ยนตามได้อย่างรวดเร็ว

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ