บทที่ 863 ภักดีหรือหักหลัง?
ด้วยฝีมือของหลิ่วหมิง เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีของฉินเฟิงได้อย่างง่ายดาย แต่หลิ่วหมิงกลับไม่หลบ ปล่อยให้ฉินเฟิงลงมือสังหารอย่างไร้ความปรานี
เขาจ้องมองดวงตาของฉินเฟิง แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ยังกัดฟันตอบว่า “หน้าที่ของข้า คือปกป้องโหวฉิน ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม”
สายตาของฉินเฟิงเย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง “พวกเจ้าไม่ได้ปกป้องข้า แต่กำลังปกป้องตัวเองต่างหาก!”
“พวกเจ้ากำลังจะเปลี่ยนข้าให้กลายเป็นเครื่องมือแห่งอำนาจที่ไร้ความรู้สึก!”
“จำคำข้าไว้ให้ดี ครอบครัวของข้า พี่น้องของข้า ต่อให้ก่อความผิดมหันต์ถึงขั้นฟ้าดินพิโรธก็ไม่ใช่หน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพรที่จะลงมือ!”
“ข้าไม่สนใจว่าโม่หลีพูดอะไร และไม่สนใจหน้าที่ขององครักษ์เสื้อแพร!”
“กล้าแตะต้องครอบครัวและพี่น้องของข้า ข้าจะฆ่าองครักษ์เสื้อแพรให้หมด และหักมีดที่ข้าทำขึ้นเองด้วยมือ ข้า ฉินเฟิง เป็นมนุษย์ มีอารมณ์ความรู้สึก ทุกสิ่งที่ข้าทำล้วนเพื่อครอบครัวและพี่น้องของข้า พวกเจ้าอย่าหวังจะเปลี่ยนข้าให้เป็นเครื่องมือของอำนาจ อย่าหวังจะทำให้ข้าเป็นเทพเจ้า และทำให้ข้าสูญเสียความเป็นมนุษย์!”
“ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ข้าจะไม่มีวันเป็นอย่างฮ่องเต้ต้าเหลียง”
รับรู้ถึงความเด็ดเดี่ยวในสายตาของฉินเฟิง หลิ่วหมิงสูดหายใจลึกพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
“ตามความปรารถนาของโหวฉิน หากวันนั้นมาถึง องครักษ์เสื้อแพรจะนำครอบครัวและพี่น้องของท่านมาต่อหน้าท่าน ให้ท่านตัดสินด้วยตัวเอง”
ฉินเฟิงจับกริชไว้แน่น ไม่ได้ระมัดระวังเหมือนตอนที่ทำกับหนิงหู่ แต่กลับดึงออกมาทันที
เลือดสด ๆ ไหลทะลักออกมาจากท้องของหลิ่วหมิงไม่หยุด สีหน้าของเขาซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
เขาสะบัดแขนทั้งสองข้าง ผ้าห่มฝ้ายบนตัวร่วงหล่น แล้วลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน มองลงมาที่หลิ่วหมิงด้วยสายตาดูแคลน ปล่อยให้เขาเลือดไหลไปเช่นนั้น
หมอรักษาโรคอยู่ข้าง ๆ แต่หากไม่ได้รับการพยักหน้าจากฉินเฟิง ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามเลือดให้หลิ่วหมิง
เขาตั้งใจจะลงโทษหลิ่วหมิง ปล่อยให้เขาเสียเลือดจนหยดสุดท้าย “ดูเหมือนว่า เจ้ายังไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้”
“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าเพียงนิด พวกเจ้ากลับคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เสียแล้ว”
“ข้าไม่พูดอะไร พวกเจ้าก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้ พวกเจ้ากำลังหาที่ตาย!”
“ตอบข้ามา!”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ข้ามอบอำนาจชีวิตและความตายให้แก่องครักษ์เสื้อแพร?” หลิ่วหมิงหน้าซีดเผือด รู้สึกถึงความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของฉินเฟิง เขาถึงกับรู้สึกไม่มั่นคงคล้ายจะล้มลง
กวาดตามองทั่วหล้าหลิ่วหมิงไม่เคยกลัวผู้ใด แม้แต่อาจารย์ของเขาอย่างโม่หลี แต่เขากลับเกรงกลัวเพียงฉินเฟิงจับใจ
“โหวฉิน…ไม่เคยมอบอำนาจชี้เป็นชี้ตายให้แก่องครักษ์เสื้อแพร”
ตุบ!
ขณะที่หลิ่วหมิงตอบ มีดสั้นก็หลุดจากมือของฉินเฟิง ตกลงบนพื้นส่งเสียงดัง เสียงนี้กระทบเข้าสู่ส่วนลึกในใจของหลิ่วหมิง
ฉินเฟิงยกมือขวาขึ้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ดาบ”
หน่วยอาวุธมืดที่ยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าลังเลแม้แต่น้อย รีบส่งดาบที่เหน็บเอวให้ถึงมือของฉินเฟิง แล้วก้มหน้าถอยออกไป
ฉินเฟิงกำด้ามดาบแน่น จ้องมองหลิ่วหมิงด้วยสายตาดูแคลน แล้วพูดว่า “คุกเข่าให้ดี”
หลิ่วหมิงรู้ดีว่าชีวิตของตนคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังคงทำตามคำสั่ง ทรุดตัวลงคุกเข่า ก้มหน้าต่ำ รอคอยวินาทีที่ศีรษะจะหล่นลงสู่พื้น
สภาพขององครักษ์เสื้อแพรในยามนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของฉินเฟิงแต่อย่างใด
หน่วยสอดแนมลับทั้งหมดล้วนมีนิสัยเดียวกัน เพียงแค่พัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นก็จะก้าวข้ามขอบเขตอย่างควบคุมไม่ได้
แน่นอน ไม่ใช่ความผิดขององครักษ์เสื้อแพร เพราะนี่คือคุณสมบัติโดยธรรมชาติหน่วยสอดแนมลับ หน่วยสอดแนมที่ไม่ก้าวข้ามขอบเขตก็คือ หน่วยสอดแนมที่ไร้ความสามารถ


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ