บทที่ 886 เรียกร้องค่าเสียหาย?
หวังกังฉวยโอกาสข่มขู่เสียงดัง “ถ้าไม่อยากให้เรื่องถึงทางการก็รีบจ่ายค่าเสียหายมาเสีย ถ้าพี่น้องข้าเป็นอะไรไป พวกเจ้าต้องเลี้ยงดูพวกเขาไปตลอดชีวิตที่เหลือ!”
หวังกังจ้องมองสตรีทั้งสี่คนอย่างดุดัน น้ำลายไหลด้วยความโลภ
ชูเฟิงมองพวกนักเลงที่พยายามหลอกเอาเงินด้วยสายตารังเกียจ แล้วถามหลี่เซียวหลานที่อยู่ข้าง ๆ “คุณหนูต้องการให้ข้าลงไปฆ่าพวกมันหรือไม่เจ้าคะ?”
หลี่เซียวหลานแค่นเสียงเบา ๆ มองการแสดงที่ไร้ฝีมือของพวกอันธพาล แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่จำเป็นต้องทำมือให้เปื้อน พวกคนเลวมีให้เห็นทั่วไป ฆ่าไปก็ไม่มีวันหมด”
“ก็แค่อยากได้เงินไม่ใช่หรือ? ให้พวกมันไปก็แล้วกัน ไม่คุ้มที่จะเสียเวลากับคนแบบนี้”
เสี่ยวเซียงเซียงหลบอยู่ข้างกายหลี่เซียวหลาน นางไม่พอใจอยู่บ้าง จึงพึมพำเบา ๆ ว่า “พวกมันไม่กี่คนตั้งใจขวางทางเรียกเงิน ทั้งยังทำร้ายคนขับรถม้า ไม่ลงโทษพวกมันก็แล้วไป แต่ยังจะให้เงินพวกมันด้วยหรือเจ้าคะ คุณหนูเมตตาพวกมันเกินไปแล้ว”
ก่อนที่หลี่เซียวหลานจะตอบ เสิ่นชิงฉือก็ถามขึ้นยิ้ม ๆ “เจ้าอยากลงโทษพวกมันอย่างไรเล่า?”
“พวกเราเดินทางมาไกลหลายพันลี้เพื่อมาพบเฟิงเอ๋อร์ หากเฟิงเอ๋อร์รู้ว่าคนพวกนี้ตั้งใจรังแกพวกเรา เจ้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
พอได้ยินคำพูดนี้ เสี่ยวเซียงเซียงก็รีบหดคอกลับไป แล้วพูดเบา ๆ ว่า “นายน้อย นายน้อยจะค้อง…ฆ่าพวกมัน”
“ไม่ใช่แค่นั้น”
“ด้วยนิสัยของนายน้อย หากคนในครอบครัวถูกรังแก ข้าเกรงว่าแม้แต่คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็คงถูกถอนรากถอนโคนไปด้วย”
เสิ่นชิงฉือยักไหล่ “การที่พวกเรามารวมตัวกันที่นี่เป็นเรื่องดี และยังเป็นการสร้างความประหลาดใจแก่เฟิงเอ๋อร์ ไยต้องทำให้เกิดเรื่องเลวร้าย? หากต้องอารมณ์เสียเพราะพวกอันธพาลไม่กี่คนก็จะเสียมากกว่าได้”
“อย่างคำที่ว่า เจ้าผัปราบง่าย สัมภเวสียุ่งยาก เรื่องที่แก้ได้ด้วยเงินไม่กี่อีแปะ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจให้มากความ”
“พวกเจ้าสองคน เป็นสาวใช้ข้างกายเซียวหลานและเป็นสาวใช้คนสนิทของนายน้อยผู้ปกครองชายแดนเหนือต้าเหลียง และอนาคตยังจะได้เป็นอนุภรรยาของเฟิงเอ๋อร์ พวกต้องเข้าใจสถานะของตัวเองให้ดีและวางตัวให้เป็น”
“หงส์ที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า จะโผลงต่อสู้กับสุนัขบนพื้นเพียงเพราะถูกแยกเขี้ยวใส่หรือ? แค่ไม่สนใจก็พอแล้ว”
ได้ยินคุณหนูพูดว่า ‘อนุภรรยา’ เสี่ยวเซียงเซียงกับชูเฟิงสบตากัน ใบหน้าพลันแดงระเรื่อขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกนางพยักหน้าเบา ๆ จดจำเอาไว้
ชูเฟิงหยิบเงินห้าตำลึงออกมา แล้วโยนออกไป
“เอ้า แล้วไสหัวไปเสีย”
หวังกังมองดูแท่งเงินที่กลิ้งบนพื้นสองสามรอบ ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ข้างเท้าของเขา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ความประหลาดใจผุดพราย… ช่างเป็นการใช้เงินที่ฟุ่มเฟือยเสียจริง!
เขารีบเก็บแท่งเงินขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในอกเสื้อ จางต้าหู่เห็นสถานการณ์ก็ไม่พอใจอยู่บ้าง เขากำลังจะเอ่ยปากถาม แต่พบว่าหวังกังกำลังส่งสัญญาณทางสายตาให้อย่างต่อเนื่อง เขาจึงตระหนักได้ว่าแผนการยังไม่เปิดเผย
จางต้าหู่พลันตระหนักไได้ พวกคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้มีเกียรติเหล่านี้ คงกลัวหวังกังจะไปฟ้องร้องที่ศาลาว่าการถึงได้ยอมจ่ายเงินเพื่อแก้เคราะห์และระงับเรื่องราว
พวกญาติของขุนนางโฉดชั่วต้องโทษจนต้องหลบหนี สิ่งที่กลัวที่สุดคือ ทางการล่วงรู้ตัวตน
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็สามารถใช้ข้ออ้างขูดรีดต่อไปได้
จางต้าหู่รีบส่งเสียงร้องครวญครางอย่างสุดกำลัง “โอ๊ย ๆๆๆ ขาข้า ข้าเจ็บเหลือเกิน”
“หากข้าพิการ พวกเจ้าจะเลี้ยงดูข้าไปตลอดชีวิตหรือ โอ๊ย ๆ ข้ามีทั้งคนแก่และเด็กต้องดูแล หากข้าพิกลพิการไปผู้ใดจะรับผิดชอบดูแลครอบครัวข้า…”
หวังกังฉวยโอกาสตีเหล็กตอนกำลังร้อน ตวาดด้วยความโกรธ “เพียงให้เงินห้าตำลึงคิดแล้วคิดว่าจะจบเรื่องง่าย ๆ หรือ? มักง่ายไปหน่อยกระมัง!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ