บทที่ 897 ฮ่องเต้ต้าเหลียงเสด็จกลับเมืองหลวง
หลี่เซียวหลานต้องระหกระเหินมาทั้งชีวิต แม้จะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตระกูลฉิน นางก็ยังคงเผชิญกับการไล่ล่าสังหารจากฮองเฮาแคว้นต้าเหลียง จนทำให้นางมีนิสัยระแวดระวังและไม่ไว้ใจผู้ใดโดยง่าย
แม้อยู่ในตระกูลฉิน หลี่เซียวหลานก็ยังคงระมัดระวังตัวมาก ไม่ว่าตระกูลฉินจะจัดการสิ่งใดให้ นางก็น้อมรับและรีบทำตามราวกับกำลังแสดงคุณค่าของตนเองให้ตระกูลฉินเห็น หวังว่าพวกเขาจะไม่ขับไล่นางออกไป
หลี่เซียวหลานรู้ความจนน่าสงสาร ฉินเฟิงลูบแก้มหลี่เซียวหลานแผ่วเบา สายตาของเขาเด็ดเดี่ยวอย่างยิ่ง แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนอย่างที่สุด “ต่อไปเจ้าไม่ต้องกังวลโดยไร้เหตุผลอีกแล้ว ทั้งตระกูลฉินล้วนเป็นครอบครัวของเจ้า ส่วนข้าก้คือที่พึ่งของเจ้า ไม่ว่าฟ้าจะถล่ม แผ่นดินจะแยก ทะเลจะเหือดแห้ง หรือภูเขากร่อน ข้าก็จะไม่ทรยศต่อเจ้าเด็ดขาด”
ได้ยินคำของฉินเฟิง หลี่เซียวหลานยกยิ้มซาบซึ้งใจ นางไว้วางใจฉินเฟิงอย่างที่ไม่เคยไว้วางใจผู้ใด
นางซบอกฉินเฟิง ฟังเสียงหัวใจที่เต้นแรงอยู่ภายใน เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเหมือนมีชีวิตอยู่
ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนราวกับสายน้ำจากหลี่เซียวหลาน ทำให้เขาตระหนักได้ว่า เขาจากบ้านมานานเกินไปแล้ว และที่บ้านก็ยังมีภรรยาอีกสองคนรอเขาอยู่อย่างทุกข์ทน เขาจำเป็นต้องจัดการเรื่องทางเป่ยตี๋ให้เสร็จโดยเร็ว จะได้รีบกลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว
ฉินเฟิงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะพยายามจัดการเรื่องทางเป่ยตี๋ให้เสร็ตสิ้นก่อนสิ้นปี จะได้กลับไปฉลองปีใหม่กับครอบครัว
…
ช่วงเวลาเดียวกัน เมืองหลวงต้าเหลียง ขบวนขนาดใหญ่เคลื่อนมาตามถนน มุ่งหน้าสู่พระราชวังต้องห้าม
ขบวนประกอบด้วยคนนับพัน นำโดยกองทัพของราชสำนัก ปิดท้ายขบวนด้วยทหารกล้าจากชายแดนเหนือ ส่วนตรงกลางย่อมเป็นองครักษ์หลวงที่คุ้มกันอย่างเข้มงวด พวกเขากำลังปกป้องบุคคลสำคัญนั่นคือ ฮ่องเต้ต้าเหลียง!
ฮ่องเต้ต้าเหลียงประทับบนรถม้าที่ประดับด้วยหยกงดงาม พอทอดพระเนตรเมืองหลวงที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวก็อดสะท้อนใจไม่ได้
นับตั้งแต่เขาเดินทางไปทางตะวันออก เขาห่างจากเมืองหลวงไปหลายเดือน และก็เป็นช่วงหลายเดือนที่เกิดเหตุการณ์มากมาย แต่โชคดีที่ทุกอย่างจบลงแล้ว ฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้ในจงหยวนยอมถอย การปราบกบฏภายในที่โหดร้ายจึงสิ้นสุดอย่างรวดเร็ว และฮ่องเต้ต้าเหลียงก็กลับสู่เมืองหลวงต้าเหลียงที่เฝ้าคิดถึงทั้งกลางวันกลางคืนได้แล้ว
“ห่างหายไปหลายเดือน เมืองหลวงก็ยังคงเหมือนเดิม”
“เหมือนว่า บัลลังก์แคว้นต้าเหลียง ไม่ว่าจะมีเจิ้นอยู่หรือไม่ก็ไม่สำคัญเท่าไหร่”
จางซิวเย่ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ รีบปลอบประโลม “ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“ฝ่าบาทคือจิตวิญญาณของแคว้นต้าเหลียง การต้องอยู่ที่ภูเขาไท่เป็นเพียงการคำนึงถึงภาพรวม บัดนี้แผ่นดินสงบ ฝ่าบาทเสด็จกลับเมืองหลวง ย่อมเป็นสิ่งที่ประชาชนปราถนาและเฝ้ารอ”
“แม้เข้าสู่เขตเมืองหลวงแล้วจะไม่มีผู้ใดออกมาต้อนรับ แต่การที่เส้นทางเปิดโล่งไร้อุปสรรคก็หมายความว่า ทั่วทั้งเขตเมืองหลวงต่างรอคอยการเสด็จกลับมาของฝ่าบาท”
“ส่วนเหตุใดเงียบเหงาเช่นนี้ ย่อมต้องสาเหตุอื่นกระมังพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้ต้าเหลียงหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่กล่าวอันใดอีก ด้วยการที่เขากลับสู่เมืองหลวงได้ต้องพึ่งพาตระกูลฉิน
ความจริงแล้ว ฮ่องเต้ต้าเหลียงทราบดี ตอนเขาอยู่ภูเขาไท่เป็นโอกาสอันดีที่สุดที่ตระกูลฉินจะลงมือสังหารและยึดครองอำนาจ รอบตัวเขามีทหารไม่ถึงพันคน และองครักษ์หลวงเพียงร้อยคน หากฉินเฟิงออกคำสั่ง ไม่ถึงครึ่งวันก็สามารถจับเขาไปบูชาฟ้าดินได้ แต่ฉินเฟิงไม่ทำเช่นนั้น ตรงข้าม ช่วงเวลาที่เขาติดอยู่ที่ภูเขาไท่ เขาได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และหลังจากปราบปรามหลี่เจิ้งแล้ว องครักษ์เสื้อแพรก็ส่งจดหมายมาทันที ทำให้เขาได้กลับมาเมืองหลวงต้าเหลียงวันนี้
ตอนนี้ผู้ใดจะกล้าพูดว่าตระกูลฉินมีใจคิดกบฏได้อีก?
ในใต้หล้าไม่ว่าผู้ใดก็อาจกบฏได้ แต่ไม่ใช่ตระกูลฉินแน่นอน

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ