บทที่ 898 ภายในมีฮ่องเต้ต้าเหลียง ภายนอกมีโหวฉิน
พลังการต่อสู้ขององครักษ์ค่ายเทียนจีเป็นที่ประจักษ์ หากพูดถึงการต่อสู้แบบตัวต่อตัว มีเพียงองครักษ์หลวงเท่านั้นที่สามารถกดดันองครักษ์ค่ายเทียนจีได้ แต่จำนวนขององครักษ์หลวงมีน้อยเกินไป หากต้องต่อสู้กันจริง ๆ พวกเขาย่อมถูก องครักษ์ค่ายเทียนจีทำลายล้างจนหมดสิ้น
อย่างไรก็ตาม ฮ่องเต้ต้าเหลียงไม่ได้กังวลใจ เพราะองครักษ์ค่ายเทียนจียุ่งมาก อีกทั้งฮ่องเต้ต้าเหลียงก็ได้รับข่าวว่า ฉินเฟิงได้ลงมือสังหารองครักษ์เสื้อแพรอย่างโหดเหี้ยม จัดการกับหน่วยสอดแนมลับที่น่าสะพรึงกลัวทั้งภายในและภายนอก หน้าที่สำคัญที่สุดขององครักษ์ค่ายเทียนจีก็คือ ด่านป้องกันสุดท้ายที่ควบคุมไม่ให้องครักษ์เสื้อแพรมีอำนาจมากเกินไป
เทียบกับองครักษ์ค่ายเทียนจีที่เป็นเครื่องจักรความรุนแรง ฮ่องเต้ต้าเหลียงหวาดระแวงองครักษ์เสื้อแพรมากกว่า โชคดีที่ฉินเฟิงสายตากว้างไกล ฮ่องเต้ต้าเหลียงจึงไม่จำเป็นต้องกังวล
ท่ามกลางการคุ้มกันของเหล่าองครักษ์ ฮ่องเต้ต้าเหลียงค่อยเข้าสู่ประตูเมืองหลวง
ทหารรักษาการณ์คุกเข่ารับเสด็จ ส่วนประชาชนที่ไม่รู้เรื่องราว พอเห็นขบวนเสด็จเข้าสู่เมืองหลวงก็ตระหนักได้ว่าฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้ว รีบคุกเข่า ก้มหัวคำนับ ตอนนั้นเอง ฮ่องเต้ต้าเหลียงก็ได้ยินเสียงเบา ๆ มาจากนอกรถม้า
ราษฎรสองคนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นพูดคุยกันอย่างกล้าหาญ
หากเป็นในอดีต ชาวบ้านที่กล้าหาญเหล่านี้คงถูกทหารรักษาพระองค์หรือไม่ก็องครักษ์หลวงสังหารคาที่โดยไม่ต้องมีคำสั่งจากเขาด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ เสียงกระซิบกระซาบเหมือนจะไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ
“ฝ่าบาทเสด็จกลับมาแล้วหรือ? ช่างดีเหลือเกิน!”
“ฝ่าบาทประทับในเมืองหลวง ต้าเหลียงถึงจะมั่นคงแข็งแกร่ง”
“กล่าวได้ถูกต้อง มีเพียงฝ่าบาทที่ควบคุมราชสำนักได้ ภายนอกมีโหวฉิน ภายในมีฝ่าบาท แคว้นต้าเหลียงเรายังจะต้องกังวลอันใดอีก?”
ได้ยินการสนทนาของราษฎร มุมปากของฮ่องเต้ต้าเหลียงยกขึ้นเล็กน้อย เภาคภูมิใจ
ความจริงพิสูจน์แล้ว อำนาจของฉินเฟิงไม่เพียงไม่ได้ลดทอนการมีตัวตนของฮ่องเต้ต้าเหลียง ตรงกันข้าม เขาถึงกับทำให้ความชอบธรรมและความสามารถของฮ่องเต้ต้าเหลียงเป็นที่รับรู้ถ้วนทั่ว ราษฎรแคว้นต้าเหลียงล้วนมีแนวคิดเดียว แคว้นต้าเหลียงไม่อาจอยู่โดยไม่มีฮ่องเต้ต้าเหลียงได้
ใต้หล้านี้จะมีผู้ใดหวังให้ฮ่องเต้ต้าเหลียงประทับบนบัลลังก์อย่างมั่นคงมากไปกว่าฉินเฟิง?
ฉินเฟิงกับฮ่องเต้ต้าเหลียงต่างไม่ต้องการให้สถานการณ์ทางการเมืองปั่นป่วนและเปลี่ยนแปลง
ฮ่องเต้ต้าเหลียงเสด็จเข้าสู่พระราชวังต้องห้ามอย่างปลอดภัย แล้วก็ต้องประหลาดพระทัยเมื่อพบว่า จำนวนของทหารรักษาพระองค์ลดลงไปมาก แต่ก่อนทุกสิบก้าวจะมีทหารหนึ่งคน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นทุกยี่สิบก้าวถึงเจอทหารหนึ่งคน
ฮ่องเต้ต้าเหลียงตรัสถาม “ไยทหารรักษาพระองค์จึงน้อยเช่นนี้”
จางซิวเย่ที่อยู่ข้าง ๆ เพิ่งได้รับรายงานจากขุนนางกรมพิธีการ ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงและพระราชวังต้องห้าม เมื่อเร็ว ๆ นี้ จึงรีบกราบทูล
“ทูลฝ่าบาท นับตั้งแต่องค์ชายหลี่ยงถูกกักบริเวณในสำนักขุนนางฝ่ายใน ทหารรักษาพระองค์และองครักษ์ชุดดำก็ถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ เพียงแค่ผู้ที่ถูกประหารชีวิตก็มีมากกว่าสามพันคน ข้าน้อยได้ยินมาว่า ลานประหารศาลต้าหลี่เต็มไปด้วยเลือด”
“ผู้ที่มีส่วนร่วมในการกบฏโดยตรงถูกประหารชีวิต ส่วนผู้ที่มีส่วนร่วมทางอ้อมกับผู้ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้รับการละเว้นโทษประหาร แต่ถูกส่งไปให้กรมพิธีการและกรมขุนนางพิจารณาโทษ แล้วถูกส่งไปประจำการในกองทัพต่าง ๆ รอบเมืองหลวง ส่วนทหารรักษาพระองค์ที่เหลืออยู่ในวังตอนนี้ล้วนผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดว่าจงรักภักดี รวมถึงคัดเลือกมาจากกองทัพต่าง ๆ รอบเมืองหลวงที่ภักดีต่อฝ่ายาทพ่ะย่ะค่ะ”
“บรรดาทหารรักษาพระองค์ที่ฝ่าบาทเห็นล้วนเป็นผู้มีรากเหง้า ส่วนทหารรักษาพระองค์ที่จงรักภักดีแต่ไร้รากเหง้าก็ถูกส่งไปคุ้มครองวังหลัง”
ฮ่องเต้ต้าเหลียงพยักหน้าเบา ๆ ภายในใจยินดี หากเขาลงมือจัดการเรื่องนี้เอง อาจทำไม่ได้ถึงขนาดนี้
ทว่าเมื่อเทียบกับทหารรักษาพระองค์แล้ว สิ่งที่ฮ่องเต้ต้าเหลียงสนใจมากกว่าคือหน่วยองครักษ์ชุดดำ สุนัขรับใช้ที่เขาเลี้ยงมาเองกับมือ แต่กลับทรยศ ไปเข้าร่วมกับหลี่ยง ฮ่องเต้ต้าเหลียงทั้งเสียใจและโกรธแค้น

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ