บทที่ 91 บิดาเมตตา บุตรกตัญญู
หลังจากส่งหลิ่วหงเหยียนจากไป ฉินเฟิงก็วาดโครงร่างกิจการทำเงินอยู่ภายในใจเงียบ ๆ
ในตอนนี้เอง ฉินเสี่ยวฝูก็วิ่งเข้ามาอย่างกระตือรือร้น สีหน้าดูประหม่าเล็กน้อย “นายน้อย นายท่านกลับจวนแล้วขอรับ”
ฉินเฟิงกางแขนและขาเอนกายพิงลงบนโต๊ะหิน จิตใจของเขาเต็มไปด้วยวิธีการขยายธุรกิจของเมืองหลวงในอนาคตจึงไม่ได้ขานรับ
เมื่อเห็นว่าฉินเฟิงใจลอย ฉินเสี่ยวฝูจึงรีบกล่าวเสริมขึ้นอีกประโยค “นายท่านรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดแล้วขอรับ”
ความโกลาหลใหญ่โตเพียงนี้ ใช้เวลาไม่นานคนทั้งหมดในเมืองหลวงย่อมรับรู้เรื่องราว จึงไม่น่าแปลกใจที่ฉินเทียนหู่จะรู้ข่าวด้วย
ฉินเฟิงเหลือบมองบ่าวคู่ใจ และยื่นมือออกมาตบที่หน้าท้อง “เห็นหรือไม่? ด้วยเข็มขัดทองคำเส้นนี้ มีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถจัดการข้าได้ แล้วจะต้องกลัวอะไรเล่า?”
เมื่อเห็นนายน้อยทำสีหน้าราวคนถ่อยถือดี ฉินเสี่ยวฝูก็เบะริมฝีปาก
ในเมื่อแม้แต่นายน้อยยังไม่กังวล เขาจึงไม่กินหัวไชเท้าแล้วพะวักพะวง*[1] อีก ชายหนุ่มเฝ้าอยู่ข้างกาย และตั้งอกตั้งใจประจบประแจงฉินเฟิง จนผู้เป็นนายรู้สึกสบายไปทั้งตัว
ปัง!
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เองพลันมีเสียงดังสนั่นขึ้น
ฉินเฟิงสะดุ้ง และอ้าปากสาปแช่งทันที “ฉินเสี่ยวฝู เจ้าบ้าไปแล้วรึ! ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าให้เข้าออกเบา ๆ หน่อย ข้าไม่ได้ป่วยแต่เกือบจะถูกเจ้าทำให้ตกใจจนป่วยแล้ว”
ฉินเสี่ยวฝูที่ยืนอยู่ข้างกายมีใบหน้ามึนงง “นายน้อย ข้ายืนอยู่ตรงนี้มาตลอด…”
ฉินเฟิงหันหน้าไปมองฉินเสี่ยวฝูซึ่งอยู่ใกล้แค่คืบ แล้วพึมพำอยู่ในใจ …ในเรือนหลังทั้งหมดมีเพียงฉินเสี่ยวฝูที่บุ่มบ่ามเลินเล่อ นอกจากอีกฝ่ายแล้วจะเป็นใครได้อีก?
ฉินเฟิงค่อย ๆ หันไปมองที่ประตูเรือน จากนั้นก็รู้สึกว่ามีลมเย็นพัดผ่านตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากลังเลอยู่ไม่กี่อึดใจ นายน้อยฉินก็ถูน้ำมันบนฝ่าเท้าแล้ววิ่งไปทางห้องนอน
ทันทีที่ฉินเฟิงลงกลอนประตูห้องนอน ด้านนอกก็เกิดเสียงทุบที่ประตูดังขึ้นตามมาติด ๆ พร้อมกับเสียงคำรามของฉินเทียนหู่
“ไอ้เด็กเหลือขอ เปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้! วันนี้ข้าต้องหักขาเจ้าให้จงได้!”
ฉินเทียนหู่เป็นนักรบที่ยกทัพจับศึกในทะเลทรายมานานปี แม้ว่าตอนนี้จะถอยมาเป็นแนวรบที่สอง แต่เขาก็ยังคงห้าวหาญ ประตูทั้งบานเกือบจะถูกทำให้พังทลาย ฉินเฟิงเองก็ตกใจเสียจนร้องคร่ำครวญไม่หยุด “ช่วยด้วย ฆ่าคนแล้ว ในกลางวันแสก ๆ ฉินเทียนหู่กำลังจะก่อเหตุฆาตกรรมแล้ว!”
ไม่ตะโกนนั้นยังดีเสียกว่า เพราะหลังจากที่เขาตะโกน ฉินเทียนหู่ก็ยิ่งเดือดดาล เสนาบดีกรมกลาโหมคำรามราวกับพยัคฆ์ร้าย “ดีนักไอ้เจ้าลูกเวร เจ้ากล้าเรียกขานชื่อของพ่อเจ้าแล้ว ต่อให้วันนี้เจ้ากรีดร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้อีก!”
โครม!
เสียงโครมครามดังสนั่น บานประตูเกือบจะหลุดออกจากกรอบประตู ฉินเฟิงตกใจมากจนรีบเอนทั้งตัวยันเข้ากับประตูอย่างรวดเร็ว
หากท่านพ่อพังเข้ามาในวันนี้ได้ ฉินเฟิงคงไม่ได้เห็นดวงตะวันในวันพรุ่งนี้อีกต่อไป หากมิได้พ่ายแพ้ให้กับศัตรูทางการเมืองของตระกูลฉินท่ามกลางคลื่นใต้น้ำที่ปั่นป่วนแห่งเมืองหลวง แต่กลับต้องมาตายอยู่ในมือพ่อตัวเอง คงเป็นอะไรที่คับข้องใจน่าดู!
ร่างเล็ก ๆ ของฉินเฟิงไม่อาจต้านทานการทารุณกรรมของฉินเทียนหู่ได้ ด้วยความกังวล เขาจึงตะโกนเสียงดังว่า “ท่านพ่อ! ฝ่าบาทประทานเข็มขัดทองคำให้ข้า ทั่วทั้งต้าเหลียงนอกจากฝ่าบาท แม้แต่พระราชวงศ์ก็ไม่มีสิทธิ์จัดการกับข้า ท่านเป็นเสนาบดีกรมกลาโหมเหตุใดถึงฝ่าฝืนกฎหมายเล่า?”



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ