บทที่ 919 สถานการณ์ยากจะเปลี่ยนแปลง
เผชิญหน้ากับคำสาปแช่ง สายตาของรองแม่ทัพประจำการไม่มีความรู้สึกใด ๆ เขาแค่นเสียงเย็นชา “ทรยศ? หลู่หลีละเลยแคว้น ถึงขั้นไม่สนใจความเสียหายของแคว้น แก้แค้นส่วนตัว ทำให้พวกข้ากลายเป็นเหยื่อที่ไร้ความหมาย เขานั่นแหละคือคนทรยศ!”
การต่อสู้ที่มีการวางแผนล่วงหน้านี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และจบลงในเวลาชั่วหนึ่งถ้วยชา
แล้วรองแม่ทัพประจำการรีบออกคำสั่งให้นำศพของทหารองครักษ์ตระกูลหลู่มากองไว้หน้าแนวรบ จากนั้นให้ทหารทั้งหมดแยกเป็นสองกลุ่ม เข้าประจำการทางซ้ายและขวา เปิดทางไว้
ช่วงเวลาเดียวกัน กองทหารม้าที่ถูกส่งออกไปก่อนหน้านี้ได้ปะทะกับกองกำลังสนับสนุนของหนิงหู่แล้ว
เพื่อช่วยเหลือฉินเฟิง หนิงหู่บุกเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดพัก ไม่ได้กินข้าวดื่มน้ำ อีกทั้งยังทิ้งม้าไปสองตัว ใช้วิธีเปลี่ยนม้า จึงสามารถมาถึงอำเภอชิงซานได้อย่างยากลำบาก ดวงตาของเขาแดงก่ำ เต็มไปด้วยเส้นเลือด สายตาเต็มไปด้วยความแค้นเคือง ปากพึมพำเสียงต่ำไม่หยุด
“พี่ฉินเจ้าต้องอดทนไว้!”
“หากเจ้าเป็นอะไรไป ข้าจะนำพาพี่น้องบุกตรงไปยังเมืองหลวงเป่ยตี๋ แล้วสังหารฮ่องเต้เป่ยตี๋เสีย!”
ตอนนี้เอง ทหารสอดแนมที่ออกไปก่อนกลับมารายงานว่า กองทหารม้าของศัตรูกว่าร้อยคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่สองปีก เตรียมพร้อมที่จะโจมตีและขัดขวาง
หนิงหู่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย โบกมือสั่งการอย่างเด็ดขาด กองทหารม้าเป่ยซีห้าสิบคนพุ่งออกไปทั้งปีกซ้ายและขวา มุ่งหน้าเข้าปะทะกับกองกำลังของศัตรูที่กำลังจะโจมตีและขัดขวาง
แม้จะเปลี่ยนมาใช้ม้าสำรอง แต่ม้าที่ขี่อยู่ก็ผ่านการควบมาเป็นเวลานาน ยังคงอ่อนแรง การจะไล่ตามศัตรูให้ทันเป็นไปไม่ได้เลย ภารกิจของกองทหารม้าเป่ยซีร้อยคนเลยเป็นการทำลายจังหวะการโจมตีของศัตรู ไม่ให้ศัตรูเข้าใกล้กองกำลังหลักได้โดยง่าย หนิงหู่มีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว…เขาต้องไปอยู่ข้าง ๆ ฉินเฟิงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พวกเจ้าทั้งหมดฟังข้า! ไม่ว่าจะเจอใครขวางทาง ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใคร สังหารทั้งหมด ไม่ละเว้น!”
“แม้แต่ฮ่องเต้เป่ยตี๋มาขวางหน้าพวกเจ้าก็ต้องเหยียบเขาให้ตายให้ได้!”
“โหวฉินต้องไม่ตายที่นี่เด็ดขาด หาไม่พวกเราทั้งหมดจะกลายเป็นคนบาปของอำเภอเป่ยซีไปตลอดกาล!”
องครักษ์ค่ายเทียนจีหนึ่งร้อยคนที่อยู่รอบข้างตาแดงก่ำ กัดฟันกรอด เปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น
“ช่วยชีวิตโหวฉิน!”
“ผู้ใดขวางทาง ฆ่าไม่ละเว้น!”
หนิงหู่นำทัพองครักษ์ค่ายเทียนจีหนึ่งร้อยคนที่ควบม้าดีที่สุด พุ่งตรงไปยังหมู่บ้านหวังกั่งราวกับดาบคมกริบ
ไม่นาน ทหารสอดแนมแนวหน้ากลับมารายงานอีกครั้งว่า พบร่องรอยของกองทัพศัตรูข้างหน้า
หนิงหู่ไม่ลังเล สั่งการให้องครักษ์ค่ายเทียนจีหยิบแหลนม้า เตรียมบุกโจมตี แม้การบุกเข้าโจมตีอย่างบ้าบิ่นจะเป็นข้อห้ามสำคัญในการทำศึก และมีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ถูกล้อมรอบด้าน แต่เพื่อช่วยเหลือฉินเฟิง หนิงหู่ไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว
“ถึงด้านหน้าจะเป็นกองทหารราบที่แข็งแกร่งที่สุดของเป่ยตี๋ก็จงบุกทะลวงไปให้ได้ในคราวเดียว!”
พร้อมกับเสียงตะโกนของหนิงหู่ องครักษ์ค่ายเทียนจีหนึ่งร้อยคนลงจากหลังม้าศึก แล้วแก้เชือกที่มัดแหลนม้าออก
เหตุที่กองหน้าที่ประกอบด้วยองครักษ์ค่ายเทียนจีหนึ่งร้อยคนมีรูปขบวนที่กระจัดกระจายก็เพราะแหลนม้าที่พวกเขาพกมายาวมาก แหลนม้าเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการบุกทะลวงแนวศัตรูโดยเฉพาะ มีความยาวถึงกว่าสิบสองจั้ง
องครักษ์จากค่ายเทียนจีจับแหลนม้าที่ตำแหน่งหนึ่งในสามของความยาว แล้วหนีบด้ามไว้ใต้รักแร้ ด้วยวิธีนี้แหลนม้าที่ทั้งยาวและหนักจึงสามารถรักษาสมดุลได้ด้วยน้ำหนัก แหลนด้านหลังยาวเกือบสามสิบจั้ง แหลนด้านหน้ายาวเก้าจั้ง บวกกับระยะห่างจากอานม้าถึงหัวม้าอีกสามจั้ง


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ