บทที่ 944 กองทัพไม่เคลื่อน เสบียงต้องมาก่อน
อูฐผอมก็ยังใหญ่กว่าม้า ตราบใดที่เป่ยตี๋ล่มสลายทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เหลืออยู่ก็จะตกเป็นของคนส่วนน้อยเพียงไม่กี่คน บางคนจะพลิกตัวกลายเป็นพ่อค้าร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าขุนนางทรยศก็จะกลับกลายเป็นขุนนางผู้ทรงอำนาจ หรือกระทั่งเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง
ไม่มีใครต้านทานความเย้ายวนของคำว่าการกระจายทรัพยากรใหม่ได้
และผลประโยชน์ที่ฉินเฟิงสัญญาว่าจะให้กับหน่วยนกฮูกราตรีทรยศ เงินทองเป็นเพียงส่วนที่ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้เข้าร่วมการจัดสรรทรัพยากรใหม่
ผู้ใดก็ตามที่ได้รับการจัดสรรจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลสูงสุดของแคว้น
เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งนี้ พวกกบฏหน่วยนกฮูกราตรีเลยช่วยฉินเฟิงชักจูงผู้มีส่วนร่วมหลักในสงครามครั้งนี้ให้มากที่สุด แน่นอนว่ารวมถึงแม่ทัพจำนวนมากที่โจมตีอำเภอฉางสุ่ยด้วย
เพราะถ้าเหล่าแม่ทัพร่วมแรงร่วมใจ รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ถึงแม้จะมีเครื่องยิงหินและหน้าไม้ยักษ์ การที่จะรักษาฉางสุ่ยไว้ก็เป็นได้แค่เรื่องเพ้อฝัน ฝ่ายตรงข้ามแค่อาศัยจำนวนคนก็สามารถทำให้ฉินเฟิงจมน้ำตายได้แล้ว
กลับกัน หากฝ่ายตรงข้ามแตกความสามัคคีมีคนคอยช่วยเหลือฉินเฟิงในทางลับอยู่เรื่อย ๆ กระทั่งแทรกแซงการวางแผนยุทธวิธีที่ถูกต้องของเป่ยตี๋ การป้องกันเมืองก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายดาย
กล่าวตามตรงก็คือ แม้จะมีทหารกล้าชั้นยอดที่เชี่ยวชาญการรบนับพันนับหมื่นใต้บังคับบัญชา ก็ไม่ทรงพลังเท่ากับภายในค่ายของศัตรูมีคนทรยศ
หนิงหู่ตกตะลึงจนตาค้างกับ ‘การรู้ล่วงหน้า’ ของฉินเฟิงไป
เขาต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉินเฟิงมานาน คิดว่าตนเองเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจฉินเฟิงมากที่สุด แต่ฉินเฟิงกลับสามารถพลิกความคิดของเขาได้เสมอ และเขาก็เลื่อมใสฉินเฟิงมากขึ้นทุกวัน
“พี่ฉิน การที่เจ้าให้ขนส่งชิ้นส่วนของหน้าไม้มายังเมืองฉางสุ่ยก็นับว่าน่าตกใจมากแล้ว แต่การแทรกซึมหน่วยนกฮูกราตรีเกินความคาดหมายของข้ายิ่งกว่าเสียอีก”
“เจ้าเริ่มแทรกแซงหน่วยนกฮูกราตรีตั้งแต่เมื่อใด?”
ฉินเฟิงเอามือไพล่หลัง ยกมุมปากเล็กน้อย กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ตั้งแต่องครักษ์เสื้อแพรก่อตั้งขึ้นมา”
“พูดให้ชัดก็คือ หลังจากก่อตั้งหน่วยองครักษ์เสื้อแพร สิ่งแรกที่ข้าทำคือ กำหนดนโยบายหลัก และหนึ่งในนั้นก็คืองานแทรกซึมเข้าไปในหน่วยนกฮูกราตรีและองครักษ์ชุดดำ”
ตั้งแต่ก่อตั้งหน่วยองครักษ์เสื้อแพร?
หนิงหู่มองฉินเฟิงอย่างงุนงง แล้วกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อว่า “เจ้า…เจ้าคงไม่ได้มีความสามารถในการทำนายอนาคตกระมัง? หาไม่เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าการแทรกซึมเข้าไปในหน่วยนกฮูกราตรีจะเป็นประโยชน์เช่นนี้?”
ฉินเฟิงตบไหล่หนิงหู่พลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “คำพูดของข้าอาจไม่ไพเราะ ขอเจ้าอย่าได้ถือสา…”
“หากทำทุกอย่างฉุกละหุก แม้แต่การกินอุจจาระ เจ้าก็จะไม่ทันได้กินตอนที่ยังอุ่น ๆ”
“ผู้ใดบอกเจ้าว่าข้าคาดการณ์สงครามฤดูหนาวก่อน แล้วเตรียมการ? ต่อให้ข้าเก่งกาจเพียงใดก็ไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้กระมัง? ฤดูหนาวที่หนาวจัดในรอบร้อยปี ข้าเองก็ประหลาดใจ”
“เรื่องแผนการ อันดับแรกต้องมีให้มากพอ อันดับต่อมาต้องมองการณ์ไกล”
“ไม่ว่าจะเป็นการแทรกซึมหน่วยนกฮูกราตรี การยึดฉางสุ่ย ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข้าคิดว่าอาจจะมีประโยชน์ในอนาคต แค่มีประโยชน์ก็เพียงแล้ว”
“ส่วนเรื่องที่ว่าอนาคตจะได้ใช้ประโยชน์หรือไม่ ความจริงข้าไม่ได้สนใจ ยอมเสียแรงโง่ ๆ ยามสงบดีกว่าไฟไหม้คิ้วแล้วไม่มีแม้แต่เครื่องมือจะดับไฟอยู่ข้างกาย”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ