เข้าสู่ระบบผ่าน

บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ นิยาย บท 956

บทที่ 956 ปูทางด้วยเลือด

เพื่อให้แน่ใจว่าคำสั่งทางทหารจะถูกส่งกลับไปยังเมืองซางโจวได้อย่างราบรื่น ทุกครั้งที่ทูตส่งสารมาถึงจุดหนึ่ง จำนวนผู้ส่งสารจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อคำสั่งทางทหารถูกส่งมาถึงเขตเมืองจัวโจว จำนวนทูตส่งสารได้เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งร้อยคน

ทูตส่งสารทั้งหนึ่งร้อยคนใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อเข้าใกล้เมืองซางโจว บ้างก็ขี่ม้าศึกควบไปอย่างบ้าคลั่ง บ้างก็ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน กระทั่งปลอมตัวเป็นทหารส่งสารเป่ยตี๋

น่าเสียดายที่ดินแดนเป่ยตี๋กว้างใหญ่แต่มีผู้คนอาศัยอยู่น้อย อีกทั้งยังเป็นช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนัก แม้แต่องครักษ์เสื้อแพรทูตส่งสารที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีก็ยังเดินทางผ่านทุ่งร้างที่ปกคลุมด้วยหิมะหนาได้เพียงสิบกว่าลี้ในหนึ่งวันเท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าคำสั่งทางทหารจะถูกส่งถึงโดยเร็วที่สุด พวกเขาจึงต้องเลือกเดินทางบนถนนหลวง หรือถนนชนบทที่ราบเรียบและมีหิมะสะสมค่อนข้างบางกว่า

แต่การทำเช่นนั้น พวกเขาจำเป็นต้องหาวิธีฝ่าด่านที่ศัตรูตั้งไว้เป็นชั้น ๆ ให้ได้กองทัพศัตรูไม่สามารถรวบรวมกำลังทหารส่วนใหญ่ภายในอาณาเขตได้ แต่การป้องกันในแต่ละพื้นที่กลับแข็งแกร่งราวกับถังเหล็กไหนจะอุปสรรคจากหิมะตกหนักอีก

เพื่อส่งคำสั่งทางทหาร ทูตส่งสารเสียชีวิตไปแล้วกว่าหนึ่งร้อยเจ็ดสิบคน แม้พวกเขาจะปลอมตัวได้สมบูรณ์แบบเพียงใดก็ยังคงถูกคัดกรองและจับกุมที่ด่านตรวจต่าง ๆ

กลับกัน ทูตส่งสารที่ฝ่าด่านตรวจและควบม้าอย่างบ้าคลั่งสามารถใช้หิมะที่ทับถมเพื่อสลัดหนีการไล่ล่าและเข้าใกล้ซางโจวได้มากขึ้น

น่าเสียดายที่ข่าวการส่งคำสั่งลับของฉินเฟิงได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งจัวโจวแล้ว กองทัพประจำการอำเภอต่าง ๆ ในจัวโจวต่างพยายามทุกวิถีทางเพื่อจับกุมองครักษ์เสื้อแพรทูตส่งสาร ดังนั้นจนถึงตอนนี้เลยยังไม่มีทูตส่งสารคนใดสามารถไปถึงซางโจวได้สำเร็จ

ภายในเวลาเพียงหนึ่งวัน ทูตส่งสารสิบแปดคนที่พยายามฝ่าด่านตรวจถูกกองกำลังไล่ล่าสกัดและเสียสละชีวิตอย่างกล้าหาญ แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ก็ยังมีทูตส่งสารคนหนึ่งที่เดินทางเข้าใกล้ซางโจว เหลืออีกแค่ห้าลี้เท่านั้น

ทูตส่งสารผู้นี้สวมเสื้อคลุมขนสัตว์หนา แล้วห่อหุ้มร่างด้วยผ้าขาว เริ่มจากขี่ม้าศึกฝ่าด่านตรวจ จากนั้นก็ทิ้งม้า หายตัวไปในทุ่งร้าง นอนราบกับพื้นหิมะหนาเพื่อซ่อนร่างกาย แล้วค่อย ๆ คลานไปยังชายแดนเมืองซางโจว

กองกำลังไล่ล่าพบม้าศึกที่ถูกทิ้งไว้แล้ว แต่เมื่อเห็นทูตส่งสารหายไปในกองหิมะก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะทหารม้าจำนวนน้อยไม่มีความสามารถในการค้นหาอย่างกว้างขวาง

หลังจากคลานมาหนึ่งวันหนึ่งคืน ชายแดนซางโจวอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่มือทั้งสองข้างของทูตส่งสารถูกแช่แข็งจนเสียหายแล้ว สูญเสียความรู้สึกโดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงใช้ขาทั้งสองถีบพื้น ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้า

ในที่สุดก็ผ่านเส้นพรมแดนได้ แต่ทูตส่งสารกลับสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง เพราะด้านหลังเส้นพรมแดน ยังคงเป็นหิมะขาวโพลนปกคลุมไปทั่ว เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ของดินแดนร้างมนุษย์

แคว้นซางโจวจะเคยเป็นอาณาเขตของเป่ยตี๋ มีพื้นที่กว้างใหญ่แต่ประชากรเบาบาง ทูตส่งสารอาศัยความมุ่งมั่นอันน่าสะพรึงกลัวคลานต่อไปอีกครึ่งวัน กระทั่งห่างไกลจากเส้นพรมแดนมาก จึงใช้ลมหายใจสุดท้ายหยิบหินเหล็กไฟออกมาจากอก ใช้ฟันกัดหินเหล็กไฟขูดให้เกิดประกายไฟแล้วจุดเผาผ้าคลุมบนร่างกาย

เปลวไฟเล็ก ๆ ลุกลามเป็นไฟใหญ่ แต่ไฟใหญ่กลับคงอยู่ได้เพียงชั่วครู่ เพราะเมื่อลามไปถึงร่างของทูตส่งสารก็ถูกขัดขวางด้วยเลือดเนื้อ แล้วดับลง

ควันสีเขียวอ่อนที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพลันหายวับไปในพริบตา

ชาวบ้านที่กำลังขุดโพรงกระต่ายห่างออกไปหลายลี้บังเอิญเห็นควันสีเขียวอ่อนเข้าจึงรายงานให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ ผู้ใหญ่บ้านก็รีบแจ้งต่อไปยังอำเภอตามลำดับขั้น กระทั่งวันรุ่งขึ้น ข่าวสารจึงส่งถึงค่ายทหาร

ทหารยามคิดว่าเป็นสถานการณ์ข้าศึกจึงส่งทหารม้าเบาหนึ่งร้อยคนออกไปสืบหา เมื่อพวกเขาพบทูตส่งสาร ทูตส่งสารถูกแช่แข็งเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว เสื้อผ้าบนร่างถูกเผาไหม้ไปครึ่งหนึ่ง ทั้งร่างขดตัวเป็นก้อนกลม ปกป้องหน้าอกไว้แน่น ราวกับกำลังปกป้องบางสิ่งบางอย่างอยู่

ทหารยามที่อยู่ในที่เกิดเหตุไม่รู้จักองครักษ์เสื้อแพรทูตส่งสาร แต่พวกเขาจำแผ่นเกราะหน้าอกด้านในของทูตส่งสารที่ถูกสร้างขึ้นโดยค่ายเทียนจีได้

บทที่ 956 ปูทางด้วยเลือด 1

บทที่ 956 ปูทางด้วยเลือด 2

บทที่ 956 ปูทางด้วยเลือด 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ