บทที่ 97 ความทะเยอทะยานขององค์ชาย
ทันทีที่เขากล่าวออกมา บรรยากาศภายในศาลาพลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าฉินเฟิงจะไม่กลัว ทว่าในใจยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ สมกับเป็นบุตรของฮ่องเต้ วิสัยการทำงานเหมือนกับพ่อไม่มีผิด เวลาพูดแม้แต่สีหน้าก็ไม่เปลี่ยน ไม่มีการเตือนล่วงหน้าสำหรับวาจาเฉียบคม
แม้ว่าภายในใจฉินเฟิงจะไม่ชอบขี้หน้าองค์ชายรองเต็มร้อย ทว่าภายนอกก็ยังคงเล่นละครร้อยเต็มเช่นกัน โทษของการไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงและไร้สัมมาคารวะ เขาในตอนนี้ยังไม่อาจแบกรับไหว
ฉินเฟิงสำแดงทักษะการแสดงออกมา ร่างกายของเขาสั่นเทาอย่างรุนแรง ตื่นตระหนกจนพูดติดอ่าง “เหตุใดองค์ชายถึงกล่าวเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ? ต่อให้ยืมหนึ่งร้อยความกล้า กระหม่อมก็มิกล้าขัดรับสั่งองค์ชายเด็ดขาด ความเคารพเลื่อมใสที่ราษฎรผู้ต่ำต้อยมีต่อองค์ชายเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวไม่รู้จบ ไม่ต่างจากแม่น้ำฮวงโหที่ท่วมท้นจนมิอาจควบคุม องค์ชายทรงมีอัจฉริยภาพตั้งแต่เยาว์วัย ราษฎรผู้ต่ำต้อยเห็นองค์ชายเป็นแบบอย่างมาเนิ่นนานแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแทบอดรนทนรอไม่ไหวที่จะบูชาท่านไว้ในจวน และกราบไหว้ทั้งวันทั้งคืน!”
การประจบสอพลอถวายคำหวานหูนี้ ทำให้แม้แต่องค์ชายรองยังถูกล่อลวงจนสับสน ภายในใจรู้สึกขบขันเป็นพัก ๆ แม้แต่คนขายชาติที่ไร้ยางอายที่สุดก็ยังต้องประจบประแจงอย่างพอเหมาะ
เจ้าสารเลวฉินเฟิงนี่เป็นนักประจบสอพลอโดยแท้ เขาสามารถเอ่ยแต่ละคำแต่ละวลีออกมาได้ โดยที่ลิ้นไม่พันกันด้วยซ้ำ
องค์ชายรองมองดูฉินเฟิงด้วยความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ “มีข่าวลือในเมืองหลวงว่าเจ้าเป็นคนบ้า แต่ข้าไม่คิดอย่างนั้น เจ้าเป็นคนฉลาด ทั้งยังฉลาดยิ่งกว่าคนฉลาดทั่วไป ข้าจะพูดอย่างตรงไปตรงมาก็แล้วกัน วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ ก็เพื่อสอบถามเรื่องหอเซียนเมามาย และเรื่องพรรคพยัคฆ์มังกร”
“ระหว่างเจ้ากับข้า แต่ไหนแต่ไรมิเคยมีความแค้นต่อกัน เหตุใดเจ้าถึงเป็นปรปักษ์ต่อข้าอยู่เสมอ?”
ฉินเฟิงก้มศีรษะลงด้วยท่าทีประหม่า และสั่นกลัว “องค์ชายคงจะมิทราบว่าหอเซียนเมามายและพรรคพยัคฆ์มังกรอาศัยบารมีขององค์ชายเข่นฆ่าระรานชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ กระหม่อมกังวลว่าชื่อเสียงขององค์ชายจะเสียหาย จึงไม่มีทางเลือกนอกจากกระทำการอย่างโง่เขลา หวังว่าองค์ชายจะคำนึงถึงความจริงใจของกระหม่อม และประทานอภัยด้วยความเมตตาพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายรองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ “ฉินเฟิงหนอฉินเฟิง เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริง ๆ แม้ดำก็ถูกเจ้ากลับเป็นให้ขาวได้ เช่นนั้นข้าจะถามเจ้าอีกเรื่อง เจ้าจะชดใช้ความเสียหายที่สร้างไว้กับข้าอย่างไร?”
ฉินเฟิงไม่แม้แต่จะลังเล เอ่ยด้วยความจริงใจว่า “กระหม่อมจะแบกรับค่าเสียหายขององค์ชายเองพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่อย่างที่ทุกคนรู้ ตระกูลฉินของข้าเป็นขุนนางมือสะอาด กระทั่งของขวัญสำหรับงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพจี้อ๋องยังไม่มีให้ จากนี้ไปทุก ๆ เดือน ราษฎรผู้นี้จะนำเงินค่าขนมทั้งสิบตำลึงเงินส่งไปยังบัญชีขององค์ชายให้ตรงเวลาทุก ๆ เดือนพ่ะย่ะค่ะ”
หญิงสาวที่บรรเลงกู่ฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป เสียงหวานตะโกนว่า “ฉินเฟิง! เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรมาดูหมิ่นองค์ชาย!”
ฉินเฟิงมีสีหน้าประหลาดใจ เขาโบกมือระรัว “ข้าน้อยพูดความจริง ฟ้าดินเป็นพยาน จะเรียกว่าดูหมิ่นได้อย่างไร”
ใบหน้าหญิงสาวผู้บรรเลงกู่ฉินเต็มไปด้วยความดูถูก นางถ่มน้ำลาย “เจ้ามันไร้ยางอายจริง ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนไร้ศีลธรรมเช่นเจ้า! องค์ชายเป็นองค์ชายรองของแคว้นต้าเหลียง แต่เจ้ากลับใช้สิบตำลึงเงินเพื่อชดใช้ท่านแบบกำปั้นทุบดิน เจ้ามันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไร้สัมมาคารวะ!”
ฉินเฟิงไม่ตอบ แต่มองดูองค์ชายรองอย่างขลาดกลัว ด้วยสีหน้าไม่มั่นใจนัก “ขอถามองค์ชาย แม่นางท่านนี้คือ?”
องค์ชายรองไม่รู้ว่าฉินเฟิงกำลังวางแผนการอันใดอยู่ แต่เขาก็ยังตอบอย่างใจเย็นว่า “สาวใช้”
“โอ้…” ทันใดนั้นฉินเฟิงก็ตระหนักได้ และจงใจทำให้เสียง ‘โอ้’ ยาวขึ้น
ภายใต้การจ้องมองขององค์ชายรอง ฉินเฟิงค่อย ๆ หันหน้าไปมองหญิงสาวที่บรรเลงกู่ฉิน และตะโกนด่า “เป็นแค่สาวใช้ตัวเล็ก ๆ เจ้ามีคุณสมบัติอะไรถึงมาพูดกับข้าเช่นนี้? เจ้าพยายามจะก่อกวนข้าใช่หรือไม่?! ไสหัวไป!”
หญิงสาวผู้บรรเลงกู่ฉินตกตะลึงอ้าปากค้าง คิดว่าตนกำลังฝันไป
องค์ชายรองเกือบจะถูกฉินเฟิงทำให้ชะงัก หากไม่เห็นด้วยตาของตัวเอง เขาจะไม่มีวันเชื่อเลยว่าไอ้เจ้านี่บ้าบิ่นไม่กลัวตาย และกล้าดูถูกแม้กระทั่งบ่าวไพร่ขององค์ชาย


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ