บทที่ 976 สายฟ้าแลบ
เฉินซือก็ลำบากใจเช่นกัน หากเป็นในเขตเมืองหลวงเป่ยตี๋คงจะพูดได้ง่ายกว่า กองทัพพลาธิการสามารถส่งเสบียงไปยังแนวหน้าได้โดยตรง แต่ตอนนี้พื้นที่สงครามขยายไปถึงเอ้อโจวแล้ว ระยะทางไกลขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสบียงจากเมืองหลวงหรือเสบียงท้องถิ่นเอ้อโจว การขนส่งล้วนกลายเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่ง
หากไม่ใช่เพราะความเร็วในการโจมตีของกองทัพใหญ่ภายใต้การนำของฉินเฟิงรวกเร็วเกินกว่าที่เฉินซือคาดการณ์ เขาคงจะไม่รวบรวมกองทัพใหญ่อย่างหุนหันพลันแล่นเช่นนี้
เฉินซือครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ถอนหายใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ตอนนี้เหลือเพียงวิธีเดียวแล้ว”
“ไม่ว่าการเคลื่อนทัพของข้าศึกจะเร็วแค่ไหนก็ไม่สามารถเร็วกว่ากองทัพทหารม้าเบาได้ ฝ่ายเราจะใช้ความได้เปรียบของทหารม้าเบาตั้งด่านตลอดเส้นทาง โจมตีข้าศึกเป็นระยะ”
“กองทัพทหารม้าเบาจะแยกย่อยออกเป็นหน่วยเล็ก แต่ละหน่วยไม่เกินสามร้อยคน ใช้ธนูโจมตีรบกวน ทำลายขบวนทัพและความเร็วในการเคลื่อนทัพของข้าศึก แย่งชิงเวลาให้กับแนวหลัง”
“ส่วนกองทัพหลักทั้งหมดสร้างแนวป้องกัน แบ่งเป็นสามกองทัพ กองหน้า กองกลาง กองหลัง ป้องกันการโอบล้อมของทัพศัตรู”
“ทุกคนที่สามารถส่งออกไปได้ ส่งออกไปให้หมด ทุ่มเทสุดกำลังในการประสานงานพลาธิการ ต้องทำให้กำลังทุกฝ่ายขนส่งเสบียงขึ้นมาให้เร็วที่สุด”
เหล่าแม่ทัพครุ่นคิดหนัก แต่ก็ยังคิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออก แม้แต่จิ่งเผิงก็ยอมรับการจัดการเชิงกลยุทธ์ของเฉินซือ แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติหน้าที่
เมื่อเหลือเพียงเฉินซือกับจิ่งเผิงในกระโจม
เฉินซือถอนหายใจ ถามอย่างอ่อนแรงว่า “แม่ทัพจิ่ง เจ้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า กองทัพต้องเคลื่อนที่เร็วดั่งสายฟ้าหรือไม่ กองทัพภายใต้การนำของฉินเฟิงสามารถบุกจากแนวใต้จัวโจวมาถึงเอ้อโจวได้ภายในหนึ่งเดือน กองทัพของพวกเราต้องรับมืออย่างกะทันหัน ช่างน่าตกใจจริง ๆ”
แม้จิ่งเผิงจะหยิ่งยโส แต่เมื่อเจอเรื่องเช่นนี้เขาย่อมไม่กล้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาส่ายหน้ายิ้มขื่น แล้วกล่าวว่า “แม้แต่แม่ทัพใหญ่ข้าก็ยังไม่เคยพบ แล้วข้าจะไปได้ยินเรื่องนี้จากที่ใดเล่า?”
“เดินทัพหนึ่งร้อยลี้ในหนึ่งวัน โจมตีอย่างดุเดือด สมกับเป็นสงครามสายฟ้าแลบจริง ๆ!”
“กองทัพใหญ่ของพวกเราชาวเป่ยตี๋มีชื่อเสียงด้านม้าศึก แต่กลับกลายเป็นว่า ม้าศึกของกองทัพใต้บัญชาฉินเฟิงได้เปรียบ ช่างน่าพิศวงนัก”
น่าพิศวง?
จิ่งเผิงอาจรู้จักฉินเฟิงน้อย แต่เฉินซือรู้แจ้ง
นี่ไม่ใช่เรื่องน่าพิศวง แต่เป็นการวางแผนอย่างรอบคอบ ฉินเฟิงรักม้าเท่าชีวิตใคร ๆ ก็รู้ เพื่อให้ได้ม้ามาเขาไม่เคยเสียดายเงินทอง ตอนนี้สามารถก่อสร้างสงครามสายฟ้าแลบน่าสะพรึงกลัวได้ล้วนเป็นผลมาจากการสะสมม้า
เฉินซือเคยคาดหวังที่จะต่อสู้กับฉินเฟิงจนถึงที่สุด แต่สงครามฤดูหนาวคราวนี้เฉินซือตระหนักแล้วว่า ความสามารถทางการทหารของเขาพ่ายแพ้แก่ฉินเฟิงอย่างราบคาบ
ขณะที่เอ้อโจวกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับสงคราม ฉางสุ่ยกลับกำลังต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ผู้มาเยือนนามว่าจางเฉาเป็นขุนนางกรมพิธีการเป่ยตี๋ เขายืนอยู่หน้าประตูเมืองฉางสุ่ย โดยไม่มีผู้ติดตามแม้แต่คนเดียว
มองกำแพงเมืองฉางสุ่ยที่แข็งแกร่งดุจถักเหล็ก จางเฉาตกตะลึง
“ฉินเฟิงนั่น…เขาสร้างเมืองฉางสุ่ยให้เป็นเช่นนี้ได้ในเวลาสั้น ๆ ช่างน่าพิศวงจริง ๆ”

ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ