บทที่ 975 การรบที่มุ่งเน้นพลาธิการ
เนื่องจากการสื่อสารไม่ราบรื่น สงครามด้านความคิดจึงมีความสำคัญ คนยิ่งมากยิ่งมีหลายปาก ยิ่งป้อมปราการขนาดใหญ่ ยิ่งทนต่อการโจมตีด้านความคิดไม่ไหว หากขวัญกำลังใจไม่มั่นคงพอ จิตใจไม่เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้กระแสความคิดที่โถมใส่ก็อาจเกิดความวุ่นวายภายในก่อนเมืองจะถูกศัตรูภายนอกโจมตีแตกได้แล้ว
แน่นอนว่าการเดินทัพทำสงครามไม่อาจหวังให้ศัตรูยอมจำนนโดยดี ภารกิจของทหารเป่ยซีเป็นเพียงการโจมตีเมืองและยึดป้อมปราการ กำหนดสถานการณ์สงคราม ส่วนการรุกคืบครั้งใหญ่ กลืนกินจัวโจว ยังคงเป็นหน้าที่ของฝ่ายสนับสนุนจักรพรรดินอกอำนาจ
เช้สวันรุ่งขึ้น กองกำลังหลักของสวีโม่และกองทัพรบไกลออกจากจัวโจวเข้าสู่เขตมณฑลเอ้อโจว
จิ่งเชียนอิ่งนั่งอยู่บนหลังม้า มองไกลออกไป นางรู้ว่ากำลังเข้าใกล้ฉินเฟิงมากขึ้นแล้ว ภายในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังต่อการพบกันที่กำลังจะมาถึง
“เฟิงเอ๋อร์ รอข้าก่อนเถิด”
“ไม่ว่าในอนาคตข้าจะมีความสำเร็จอันใด ข้าก็ยังคงเป็นคุณหนูสี่ตระกูลฉิน เป็นเชียนอิ่งของเจ้า…”
บ่ายวันนั้น สวีโม่ก็ได้ข่าวจากแนวหน้า เฉินซือกำลังระดมกองทัพใหญ่จัดตั้งแนวป้องกันทางตอนเหนือของมณฑลเอ้อโจว
แม้ว่าการเคลื่อนทัพจะต้องรวดเร็ว แต่เมื่อพิจารณาว่าแม่ทัพฝ่ายศัตรูคือเฉินซือ อีกทั้งเป่ยตี๋ยังเชี่ยวชาญด้านกองทหารม้า หากไม่คำนึงถึงต้นทุนและความสูญเสียก เป่ยตี๋เร่งเดินทัพท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและหิมะตกหนักก็ยังสามารถรวบรวมกองทัพขนาดใหญ่ได้ในเวลาอันสั้น
เพื่อความปลอดภัย สวีโม่ไม่ได้รุกเร็วเกินไป แต่ส่งทหารม้าเร็วส่งข่าวไปยังหลี่จางที่อยู่ด้านหลัง
ด้านการวางกลยุทธ์ใหญ่ ทั้งอำเภอเป่ยซีฉินเฟิงเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย อันดับสองย่อมเป็นหลี่จาง และสวีโม่ก็รองลงมา ตอนนี้ฉินเฟิงติดพันอยู่ฉางสุ่ย ไม่อาจติดต่อสื่อสารโลกภายนอก การเคลื่อนพลทั้งหมดต้องฟังคำสั่งจากหลี่จาง
ขณะที่ยังไม่มีข่าวส่งกลับมาจากหลี่จาง สวีโม่ก็ออกคำสั่งให้กองทัพตั้งค่ายพักผ่อน เก็บเรี่ยวแรงและวางแผนการรบต่อไป
ข่าวที่กองทัพของสวีโม่ตั้งค่ายพักอยู่กับที่ส่งไปถึงกองทัพเป่ยตี๋ พอเฉินซือทราบข่าวก็รีบเรียกประชุมแม่ทัพทั้งหมดภายใต้บังคับบัญชา หารือเกี่ยวกับสถานการณ์สงคราม
เฉินซือจ้องมองแผนที่เอ้อโจว แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “กองทัพศัตรูตั้งค่ายพักอยู่กับที่ คงเพราะกังวลว่าหากปะทะกับกองทัพเป่ยตี๋เราโดยตรงจะเกิดการสูญเสียมากเกินไป เลยกำลังหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุด”
“จากความเร็วในการเคลื่อนทัพของศัตรูผ่านจัวโจว กับเวลาในการส่งข่าว กองทัพศัตรูจะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดสิบห้าวันมาถึงแนวป้องกันที่พวกเราวางไว้”
“ช่วงเวลานี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเป่ยตี๋เรา จำเป็นต้องใช้ประโยชน์ให้ดี”
จิ่งเผิงที่ติดตามเฉินซือมายังค่ายทหารในแคว้นเอ้อโจวยังคงเย่อหยิ่งด้วยศักดิ์พระญาติ แม้ทัพทุกคนยืนปีะชุมพร้อมหน้า มีเพียงเขาที่นั่งบนเก้าอี้กล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “สิบห้าวัน? เกรงว่าแค่การระดมพลและส่งกำลังทหารก็ไม่เพียงพอแล้ว”
“ท่านแม่ทัพเฉิน ความเร็วในการเคลื่อนทัพของพวกเราไม่อาจเทียบกับกองทัพใหญ่ภายใต้การบังคับบัญชาของฉินเฟิงได้”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา บรรดาแม่ทัพหันมองจิ่งเผิง สายตาประหลาดอยู่บ้าง
เพียงแค่คำพูดของจิ่งเผิงก็สามารถตั้งข้อหา ‘ทำลายขวัญกำลังใจทหารช่วงสงคราม’ ได้แล้ว แต่เนื่องจากคำนึงว่าจิ่งเผิงเป็นพระญาติ ทั้งยังเก่งกาจที่สุดในบรรดาเชื้อพระวงศ์และขุนนางชั้นสูง ทุกคนจึงได้แต่มองข้ามไป
เฉินซือไม่ได้สนใจคำพูดที่ตรงเกินไปจิ่งเผิง เพียงถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “แม่ทัพจิ่งมีความคิดเห็นอย่างไร? ไม่ต้องเกรงใจ พูดมาเถิด”
จิ่งเผิงพิงพนักเก้าอี้ หัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ฮ่า ๆ กองทัพศัตรูบุกจากซางโจวมาถึงเอ้อโจ ใช้เวลาทั้งหมดเท่าไร? เกรงว่าคงไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ!”


ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ