บทที่ 974 กองทัพเข้าสู่เอ้อโจว
แม้สองกองเสบียงจะมีเพียงสิบหกคน แต่เสบียงที่พวกเขาขนมาก็เพียงพอที่จะสนับสนุนทหารเป่ยซีสองร้อยคน และทหารเป่ยซีก็ขึ้นชื่อว่า ‘หรูหรา’ การเลี้ยงดูทหารเป่ยซีหนึ่งคนใช้เสบียงมากกว่าทหารเป่ยตี๋สามคน กล่าวคือ เสบียงจากสองกองเสบียงของกองทัพรบไกลเป่ยซีเพียงพอจะเลี้ยงทหารเป่ยตี๋ได้ถึงหกร้อยคน
แต่ภูเขาที่พวกเขาอยู่ถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์ มีเพียงทหารสอดแนมที่สามารถเข้าออกได้ตามเส้นทางแคบ ๆ แม่ทัพจึงต้องข่มความตื่นเต้นไว้ และถามว่า “สามารถยึดกองเสบียงของศัตรูได้หรือไม่?”
ทหารสอดแนมส่ายหน้า “ทหารม้าเบาฝ่ายเราแปดสิบคนล้อมกองเสบียงของศัตรูไว้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเอาชนะได้ขอรับ”
อะไรนะ?!
ได้ยินแบบนี้แม่ทัพตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเขาตวาดใส่ทหารสอดแนมว่า “ทหารม้าเบาแปดสิบคนกลับไม่สามารถเอาชนะทหารกองพลาธิการสองกองได้หรือ? พวกทหารพลาธิการที่คอยดูแลเสบียงพลังรบต่ำ แค่บุกเข้าไปสังหารก็พอ ไยต้องลังเลและเกรงกลัว? ช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิของแม่ทัพ ทหารสอดแนมจำต้องอธิบายอย่างฝืนทน “ท่านแม่ทัพ ทหารกองเสบียงเป่ยซีมีพลังในการสู้รบไม่ด้อยเลยขอรับ”
“แต่ละกองเสบียงมีทหารแปดคน มีเพียงสี่คนรับผิดชอบการขนส่งเสบียง อุปกรณ์ ยุทโธปกรณ์ คือ สองคนบังคับเกวียนม้าคนละคัน อีกสองคนขี่ม้าคนละตัวและจูงม้าคนละตัว”
“ส่วนอีกสี่คนเป็นทหารชั้นยอดที่คอยเฝ้าระวังคุ้มกัน นั่งประจำเกวียนม้าคันละสองคน เมื่อพบศัตรูก็จะใช้รถม้าเป็นที่กำบังป้องกัน”
“ทหารกองพลาธิการที่รับผิดชอบคุ้มกันเสบียงมีฝีมือยิงธนูแม่นยำอย่างยิ่ง อีกทั้งยังสวมเกราะครบชุด มีอาวุธยาวครบมือ”
“กระทั่งทหารสี่คนที่รับผิดชอบขนส่งเสบียงก็สามารถเปลี่ยนเข้าสู่สถานะพร้อมรบได้”
“ทหารในกองเสบียงเป่ยซีไม่ด้อยไปกว่าทหารหาญของพวกเรา”
แม่ทัพอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ทหารม้าเบาแปดสิบคนกลับไม่สามารถเอาชนะทหารพลาธิการสิบหกคนได้? เหลือเชื่อนัก! หรือว่าการฝึกทหารพลาธิการของฉินเฟิงจะไม่ด้อยไปกว่าการฝึกทหารในแนวหน้า?
ยังไม่ทันที่แม่ทัพจะตั้งสติจากความตกตะลึงได้ก็มีทหารสอดแนมอีกคนวิ่งกลับมา
“ท่านแม่ทัพ กองทหารม้าสอดแนมของพวกเราไม่สามารถยึดกองเสบียงของศัตรูได้ สูญเสียทหารไปหลายคน จำต้องถอยทัพแล้ว”
แม่ทัพถึงกับพูดไม่ออก ทหารม้าเบาแปดสิบคนถูกทหารพลาธิการสิบหกคนตีถอย ถ้าไม่ใช่เพราะประสบด้วยตัวเอง ต่อให้ตายเขาก็ไม่มีวันเชื่อ ทหารสอดแนมเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก แล้วกล่าวอย่างตระหนก “หลังจากกองเสบียงสองกองของเป่ยซีเผชิญหน้ากับทหารม้าเบาเป่ยตี๋เรา พวกเขาก็จุดสัญญาณควันและต่อสู้อย่างดุเดือด ต้านพวกเราเต็มกำลังขณะรอกองหนุน พวกเราจำต้องถอยขอรับ”
ความคิดแม่ทัพเป่ยตี๋ถูกพลิกกลับโดยสิ้นเชิง เพียงทหารกองเสบียงสองกอง ไม่ใช่หน่วยรบแนวหน้า กลับมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ มองดูทหารเป่ยซีที่ประจำการอยู่เชิงเขา แม่ทัพสิ้นหวังโดยสมบูรณ์
บุกลงไปก็ไม่มีทางชนะ แต่หากอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะต้องอดตาย
คิดไปคิดมา ในใจของแม่ทัพก็เริ่มมีความคิดที่อยากจะยอมจำนน เมื่อเขาหันไปมองนายกองก็พบว่า สายตาของทุกคนล้วนคล้ายคลึงกัน
เมื่อเจอกองทัพเช่นนี้จะสู้รบได้อย่างไร? แม่ทัพไม่ลังเลอีก ส่งนายกองคนหนึ่งลงจากภูเขา ส่งสารยอมจำนน
เช้าตรู่วัยรุ่นขึ้น ฟ้าเพิ่งสาง ทหารเป่ยตี๋สองพันคนก็สมัครใจวางอาวุธ เข้าแถวลงเขา ภายใต้สายตาของทหารเป่ยซี ทหารเป่ยตี๋สองพันคนกลายเป็นเชลยศึก
แม่ทัพเป่ยซีผู้รับผิดชอบภารกิจปิดล้อมเขาครั้งนี้มีนามว่าจางชิง



ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกตำนานนายน้อยเจ้าสำราญ