บัญชามังกรเดือด นิยาย บท 1024

สรุปบท บทที่ 1024 พยายามทุกความเป็นไปได้: บัญชามังกรเดือด

บทที่ 1024 พยายามทุกความเป็นไปได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ บัญชามังกรเดือด

ตอนนี้ของ บัญชามังกรเดือด โดย สวรรค์ไร้เทียมทาน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายแฟนตาซีทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1024 พยายามทุกความเป็นไปได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เห็นปืนช็อตไฟฟ้าที่คุ้นเคยสุด ๆ นี้ ลิงขนทองโมโหจนกระโดดบนพื้นเลย

อุ้งเล็บที่มีขนปุกปุยของมันจับปืนเล่มนั้นเอาไว้แน่น แล้วชี้ไปทางหงส์แดงที่ใบหน้าซีดเผือดด้วยความโกรธเกรี้ยว

ไป๋หลิงพยักหน้าให้มัน “ไปสิ ก่อนหน้าเขาทำกับแกยังไง แกก็ทำแบบนั้นกลับคืนไปเลย !”

ลิงขนทองกระโดดโลดเต้นสูงสามนิ้วอย่างตื่นเต้น มาถึงข้างหน้าหงส์แดง บีบปืนช็อตไฟฟ้าจนเป็นเสียงดังฉ่า ๆ

แสงไฟสีฟ้าที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า นี่หากว่าถูกทิ่มโดนเข้าจริง จะต้องบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน !

ความอวดดีและความโอหังของหงส์แดง จนถึงตอนนี้ได้หายไปโดยสิ้นเชิงเลย

เธอมองลิงขนทองที่เข้าใกล้มาทีละก้าวอย่างตื่นตระหนก และส่ายหน้าอย่างสุดชีวิต “ไม่เอา ฉันไม่ได้ตั้งใจ อย่าช็อตฉันนะ !”

ในจังหวะนี้เอง หวางเหมยมองไปยังฉินเทียนด้วยความเดือดพล่าน แล้วตวาด “พอได้แล้ว ! ฉินเทียน นายเห็นพวกเราอยู่ในสายตาหรือเปล่ากันแน่ !”

“ที่นี่คือตระกูลซู ไม่ได้เป็นสถานที่ที่นายใช้ลงโทษได้มั่วซั่วหรอกนะ”

“รีบตะโกนให้พวกเขาหยุดเดี๋ยวนี้ ล่วงเกินอาจารย์หลิว แล้วใครจะมารักษาให้นายท่าน !”

นึกไม่ถึงเลยว่าจนถึงขั้นนี้แล้ว หวางเหมยยังแน่วแน่ที่จะปกป้องหลิวเต๋อ

ซูเหวินเฉิงตบหน้าผากครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วเดินมาลากหวางเหมยเอาไว้ “แม่ครับ แม่ยังมองไม่ออก อาจารย์หลิวอะไรนั่น ก็คือนักต้มตุ๋นคนหนึ่ง !”

“หุบปาก !” หวางเหมยถลึงตาใส่ซูเหวินเฉิงอย่างโหดเหี้ยม “ฉันเป็นคนเชิญอาจารย์หลิวมาจากที่ไกลโพ้น ฉันบอกว่าเขาเป็นปรมาจารย์ เขาก็คือปรมาจารย์ !”

อันที่จริง จากการที่หลิวเต๋อขอร้องให้ฉินเทียนยกโทษให้ต่าง ๆ นานา หวางเหมยก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองได้ถูกนักต้มตุ๋นหลอกซะแล้ว

แต่เธอได้โอนเงินแสนหนึ่งไปให้ เพื่อเชิญหลิวเต๋อมา

ตระกูลซูแพ้แล้ว เดิมทีก็ไม่ได้มีเงินอะไร แต่เธอสงสัยมาโดยตลอด ซูเป่ยซานยังเก็บเงินทุนแรกเริ่มอะไรไว้ ที่ยังไม่ได้เอาออกมา

หากไม่ใช่เป็นเพียงเพื่อเรื่องนี้ ซูเป่ยซานก็คือใกล้ตายแล้ว เธอก็ขี้เกียจจะไปสน ขาดไปคนหนึ่ง ก็อาหารน้อยลงไปอีกคนด้วยซ้ำ

เป็นเพราะเช่นนี้นี่เอง เธอจึงทนควักเงินออมก้อนสุดท้ายอันน้อยนิดออกมา

เดิมทีอยากรอให้ช่วยซูเป่ยซานฟื้นขึ้นมา เขารู้ว่าตัวเองช่วยเหลือเขาโดยไม่สนใจเงินทอง เลยเมตตาเอาเงินทุนแรกเริ่มที่มีมูลค่าสูงนั่นออกมา

ตอนนี้หากว่าทำให้หลิวเต๋อเป็นนักต้มตุ๋นจริง ถ้าอย่างนั้นจึงจะเป็นการสูญเสียซ้ำสองในคราวเดียวจริงแล้วน่ะสิ

หวางเหมยทั้งเสียใจและเจ็บใจ ลองคิดจริงจัง ตัดสินใจว่าในเมื่อเชิญคนเขามาแล้ว ก็พยายามทุกความเป็นไปได้

ซูเหวินเฉิงไม่ได้รู้เรื่องภายในพวกนี้ในนี้เลย ยังคงพูดโน้มน้าวหวางเหมยด้วยเสียงต่ำ “แม่ครับ ทำไมแม่ไม่เชื่อฟังการโน้มน้าวล่ะครับ ?”

“เมื่อกี้แม่ไม่เห็นเหรอครับ ? ทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นเรื่องโกหก โกหกทั้งเพ”

“ไสหัวไป !” หวางเหมยผละซูเหวินเฉิงออก เดินไปหาฉินเทียนด้วยใบหน้าแดงฉาน “นายว่าเขาเป็นนักต้นตุ๋น งั้นโรคประหลาดของนายท่านใครรักษาล่ะ ?”

“พูดแล้วต้องรับผิดชอบ ! หากว่าอาจารย์หลิวถูกไล่ไป ความเหน็ดเหนื่อยพวกนั้นก่อนหน้านี้ของเราก็จะไม่ไร้ประโยชน์หมดเลยเหรอ !”

ฉินเทียนเข้าใจความคิดในคำพูดของหวางเหมยเลยในชั่วพริบตา เลยแสยะยิ้มเย็นถามเขา “คุณไม่ได้ไม่รู้ว่าเขาเป็นนักต้มตุ๋น แต่ไม่อยากยอมรับสินะ ?”

“ดูท่า ตระกูลซูจ่ายเงินโดยเปล่าประโยชน์ไปไม่น้อย เพื่อเชิญคนไม่สำคัญ แล้วเที่ยวเต้นแร้งเต้นกาคนนี้มา”

หวางเหมยถูกเปิดโปงความคิด เลยพาลโกรธ “เอาเป็นว่านี่เป็นปรมาจารย์ที่ฉันเชิญมา นายไม่มีสิทธิ์มายกไม้ยกมือที่นี่”

ฉินเทียนไม่ยอมแพ้เหมือนกัน หัวตัวจะจากไป “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถือเสียว่าผมไม่เคยมาปรากฏตัวแล้วกัน”

พูดตามจริง เขาไม่ได้เต็มใจที่จะมาเหิงหลิ่ง เพื่อรักษาอาการให้ซูเป่ยซานเลย

คำพูดของหวางเหมยในตอนนี้ ทำให้ฉินเทียนหาเหตุผลดี ๆ ได้ในพริบตา

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ออกมือ แต่ตระกูลซูมีตาหามีแววไม่ !

เห็นฉินเทียนบอกว่าจะไปก็ไปจริง คราวนี้หวางเหมยจึงจะลุกลี้ลุกลน

เขารู้ตั้งนานแล้วว่าหลิวเต๋อเป็นนักต้มตุ๋น กลับกลัวเสียหน้าที่จะเชิญฉินเทียนให้อยู่

ในระหว่างที่ร้อนใจและโมโหนั้น หวางเหมยถีบใส่ซูยู่คุนอย่างโหดเหี้ยมทีหนึ่ง “อย่างไรซะคนที่ป่วยก็คือพ่อคุณ ฉันไม่สนแล้ว !”

เป็นสามีภรรยากันมาหลายปี ทำไมซูยู่คุนจะไม่เข้าใจความคิดนั่นของหวางเหมยล่ะ ?

แต่ว่าหวางเหมยต้องการหน้าตา ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เขาก็เป็นคนที่พอมีหน้าตาในโลกธุรกิจอยู่เหมือนกัน จะเสียหน้าได้ยังไงกันล่ะ ?

ซูยู่คุนกลอกตาทีหนึ่ง แล้วโยนปัญหาเละเทะให้ซูเหวินเฉิงไปเลย “เหวินเฉิง ลูกว่า โรคของคุณปู่ลูก จะมอบให้ใครรักษา ?”

ซูเหวินเฉิงเดินไปหาฉินเทียนโดยไม่มีความลังเลเลยทันที “พี่เทียน พี่เป็นผู้ใหญ่มีใจเมตตา อย่าได้ถือสาพ่อกับแม่ผมเลยนะครับ”

“คุณปู่ป่วยหนักจนเกินกว่าจนเยียวยาแล้ว พี่จะไปไม่ได้นะครับ !”

การไลฟ์สดในวันนี้ ได้ลากหลิวเต๋อจากแท่นบูชาลงมาโดยสมบูรณ์แล้ว !

การฆ่าเนื้อหนังมังสา ยังมิสู้เปิดเผยเจตจำนง เป็นเพียงเช่นนี้นี่เอง !

คราวนี้ไป๋หลิงจึงจะสบายใจ เกี่ยวก้อยกับลิงขนทอง แล้วพูดกำชับด้วยเสียงต่ำ “แกก็คอยอยู่ปากประตู พวกเขาอยากออกไปน่ะได้ แต่จำเป็นต้องถูกแกช็อตให้หนำใจถึงจะไปได้ !”

ลิงขนทองเริ่มร้องเจี๊ยก ๆ อย่างดีใจ กระโดดมาที่ปากประตูด้วยความดีใจ รอให้พวกหลิวเต๋อทั้งห้าคนเป็นฝ่ายมาหาเองถึงที่

เมื่อคิดว่ากำลังจะถูกช็อต หลิวเต๋อก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว

แต่ว่าเขารู้ ตัวเองไม่มีเวลาให้ลังเลอีกแล้ว !

ตอนนี้ฉินเทียนอารมณ์ดี หากว่าแหย่ให้เขาโมโห เกรงว่าตัวเองจะไม่มีทางได้ออกไปแล้ว !

หลิวเต๋อสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทำหลังค่อมมาข้างหน้าลิงขนทอง “ช็อตเลย ! หากว่าวันนี้ฉันเปล่งเสียงสักแอะ ก็เป็นเด็กที่ไม่มีใครรัก !”

ลิงขนทองเกลียดเขามาก เลยหยิบปืนช็อตไฟฟ้า แทงเข้าไปเลยทันที !

มันทั้งผอมและตัวเล็ก ยกแขนขึ้นจึงจะถู ๆ ไถ ๆไปที่คอของหลิวเต๋อได้

การกระทำเมื่อครู่มาอย่างกะทันหันมาก ทำให้หลิวเต๋อตกใจจนถอยหลัง ปืนช็อตไฟฟ้าแทงไปที่ตรงกลางของขาสองข้างเขาทันที !

“อ๊า——!”

เสียงกรีดร้องแหลมอันน่าเวทนาที่แสนเจ็บปวดดังขึ้นทันที เสียงดังสนั่นจนหูแทบหนวก ไม่อาจลบออกจากกลางอากาศของตระกูลซูได้เลย

ส่วนหลิวเต๋อ ได้งอตัวเป็นกุ้งฝอยไปแล้ว โอบสองขาเอาไว้เจ็บเจียนตาย !

ลิงขนทองเห็นแล้วก็ดีใจ มือขวาที่ถือปืนช็อตไฟฟ้า แทงไปที่ด้านหลังของหลิวเต๋อเบา ๆ

“อ๊า——!”

หลิวเต๋อถูกช็อตจนกลิ้งไปไกล ตะโกนร้องไห้แล้วหล่นลงไปจากธรณีประตูของตระกูลซู

จนตรอกตลอดทางอยู่สุด ๆ ไปเลย เหมือนสุนัขตกน้ำที่ถูกไล่ฆ่า

ในที่สุดลิงขนทองก็ดีใจ อุดอยู่ที่ปากประตูต่ออย่างโอ้อวดกำลัง สายตามองหงส์แดงและลูกศิษย์อีกสี่คนอย่างไม่ดีนัก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด