บัญชามังกรเดือด นิยาย บท 1026

สรุปบท บทที่ 1026 งานเลี้ยงรับ: บัญชามังกรเดือด

สรุปเนื้อหา บทที่ 1026 งานเลี้ยงรับ – บัญชามังกรเดือด โดย สวรรค์ไร้เทียมทาน

บท บทที่ 1026 งานเลี้ยงรับ ของ บัญชามังกรเดือด ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย สวรรค์ไร้เทียมทาน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ซูเหวินเฉิงรีบพยักหน้า “นั่นสิพี่เทียน คุณปู่ผม เขาเป็นอะไรกันแน่ครับ ?”

“คงจะไม่ได้มีหนอนโตขึ้นในร่างกาย เหมือนอย่างตระกูลที่เราเจอที่ข้างทางนั่นหรอกนะ ?”

นึกถึงฉากที่น่าหวาดกลัวตอนที่ร้านอาหารข้างทาง ผึ้งพิษป่าที่หนาแน่นกับผึ้งที่ทะลวงออกมาจากใบหน้าเหมียวหง เหวินเฉิงซูแทบจะพ่นอาหารเหลือออกมาเลย

เป็นครั้งแรกที่ฉินเทียนเห็นอาการแปลกประหลาดขนาดนี้เลย เขาไม่ค่อยรู้พิษกู่สักเท่าไหร่เลยจริง ๆ

หลังจากคิดดู เขาควักกุ่ยเหมินสิบสามเข็มที่พกติดตัวออกมา ระหว่างที่หมุนข้อมือ ได้ฝังตรงหน้าอกของซูเป่ยซานไปสิบสามเข็มแล้ว !

รอให้ฉินเทียนทำเสร็จแล้ว ซูเป่ยซานที่มือขยับไม่ได้ ปากพูดไม่ได้ค่อย ๆ กะพริบตาสองที หลั่งน้ำตาขุ่น ๆ ออกมาเป็นสองสาย

“พี่เทียนรีบดู คุณปู่ผมร้องไห้แล้ว เขาไม่รู้ว่าพี่กำลังช่วยเขาใช่ไหม ?”

ซูเหวินเฉิงรีบชี้ไปที่ซูเป่ยซาน สื่อเป็นนัยว่าให้ฉินเทียนมองโดยละเอียด “คุณปู่มีนิสัยเข้มแข็งและอดทน ผมไม่เคยเห็นเขาร้องไห้เลย ตั้งแต่เล็กจนโต”

“วิชาฝังเข็มของพี่เทียนมีผลต่อเขาอย่างแน่นอน เขารู้ว่าไม่นานนักตัวเองก็จะหลุดพ้นแล้ว จึงดีใจจนหลั่งน้ำตา”

ฉินเทียนขี้เกียจจะไปพิจารณากับจิตใจของซูเป่ยซาน จึงเก็บเข็มเงินด้วยใบหน้าจริงจัง

วิชาฝังเข็มของเขา ทำได้แค่พอจะระงับการแพร่กระจายของพิษกู่เท่านั้น

แต่ละคนเก่งกันคนละด้าน อยากจะกำจัดพิษกู่ จำเป็นต้องหาเทพกู่ที่หายตัวไปยี่สิบปีคนนั้นที่เหมียวหงเคยพูดถึงให้เจอ

ต่อให้ไม่ใช่เพื่อซูเป่ยซาน พิษกู่ที่ขาของหม่าหงเทา ก็ไม่สามารถยืดเวลาออกไปได้แล้ว

หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ฉินเทียนเดินออกจากห้องนี้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นไม้จันทน์โดยไม่พูดจา

ซูเหวินเฉิงอยากตามไปตามจิตใต้สำนึก ก็ถูกหม่าหงเทาขวางเอาไว้ “อย่าไปรบกวนพี่เทียน ให้เขาอยู่เงียบ ๆ คนเดียว”

……

ในขณะเดียวกันนั้น ตระกูลฉีกำลังจัดงานเลี้ยง ร้องเพลงเสียงดัง เพื่อต้อนรับฉีเวยนายน้อยตระกูลฉี ที่ได้รับชัยชนะกลับมา

ที่นั่งอยู่ตำแหน่งสูง ก็คือเจ้าบ้านตระกูลฉี——ฉีเซิ่ง!

เขาอายุมากกว่าห้าสิบปี กลับมีใบหน้าเปล่งปลั่ง เสียงดุจระฆังใหญ่

มองดูแล้วโตมากกว่าฉีเวยที่ดูเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่อายุยังน้อยไม่เท่าไหร่นัก เหมือนสองพี่น้องอย่างไรอย่างนั้น

ตำแหน่งที่ติดด้านซ้ายของฉีเซิ่ง มีฉีเวยกับฉีกงซึ่งเป็นอาจารย์ถ่ายทอดความรู้ของเขานั่งอยู่

รวมทั้งลูกศิษย์สองคนที่เหลือของฉีกง ฉีเฟยศิษย์คนรอง ฉีอวี่ศิษย์คนที่สาม พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องแท้ ๆ ที่เติบโตที่ตระกูลฉีตั้งแต่เล็ก

แถวด้านขวา มีห้าผู้อาวุโสพิษสี่คนที่เหลือของตระกูลฉีนั่งอยู่

“มา ๆ มา ๆ ครั้งนี้นายน้อยขึ้นเหนือไปตระกูลเซี่ย ได้รับชัยกลับมา เรามาดื่มเคารพให้นายน้อยแก้วหนึ่ง !”

“นั่นสิ นายน้อยอายุน้อยแต่ยอดเยี่ยมมาก ครั้งนี้ได้เชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยทางเหนือได้สำเร็จอีกแล้ว ไม่สามารถลืมความดีความชอบได้เลย !”

“ตระกูลเซี่ยมีกำลังมหาศาล บารมีและชื่อเสียงยิ่งใหญ่ จนทำให้ผู้คนตกตะลึง มีการช่วยเหลือของพวกเขา ตระกูลฉีเราอยากจะฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีตกลับมา คาดว่าจะเป็นจริงในไม่ช้านี้ !”

“นายน้อยช่างเยาว์วัยและองอาจกล้าหาญ เล่นกับนายน้อยตระกูลเซี่ยจนปรองดอง จากนี้เราทุกคน จะต้องพึ่งพานายน้อยแล้ว”

ห้าผู้อาวุโสพิษสี่คน ยกแก้วเหล้าขึ้นมาด้วยความนอบน้อม แสดงความยินดีให้ฉีเวยไม่ขาดปาก

ฉีเวยที่นั่งอยู่ในตำแหน่งกลับไม่ขยับเขยื้อนเลย ถึงขนาดที่ขี้เกียจจะมองพวกเขาสักแวบเลยด้วยซ้ำ

หึ !

ตระกูลเซี่ยทางเหนือ ก็แค่นี้เองงั้นเหรอ !

รอให้เขายิ่งใหญ่และตัดความยุ่งยากออก จะต้องกลืนตระกูลเซี่ยไปด้วยกันเลย !

ยังมีเซี่ยหมิงที่เย่อหยิ่งอวดดีนั่น ความอัปยศในงานเลี้ยง เขาจะจารึกไว้ในความทรงจำอยู่ตลอด

รอการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ตอนที่เขาขึ้นเป็นราชา จะเหยียบเซี่ยหมิงแล้วบดขยี้ให้เป็นโคลนอยู่ใต้ฝ่าเท้าเลย !

ในฐานะที่เป็นอาจารย์ถ่ายทอดความรู้ให้ฉีเวย ฉีกงย่อมเข้าใจความรู้สึกลึก ๆ ในใจเขาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว

ลูกศิษย์ที่โอหังอวดดีมาแต่ไหนแต่ไรคนนี้ จะยอมอยู่ต่ำกว่าคนอื่นได้อย่างไรกัน ?

แม้ว่าฉีเฟยดูถูกตัวเองที่เป็นน้องชายคนนี้มาแต่ไหนแต่ไร ตวาดทุบตีอยู่บ่อย ๆ อันที่จริงเป็นการปกป้องเขามาก ๆ อยู่ต่างหาก

ฉีอวี่ถูกถีบออกจากที่นั่ง กลายเป็นตัวตลกที่ใหญ่ที่สุดในงานเลี้ยงครั้งนี้

ทุกคนที่นั่นหัวเราะกันอย่างครื้นเครง เรื่องที่เมื่อกี้ฉีเวยไม่ไว้หน้าให้ผู้อาวุโสสี่คนที่เหลือ ก็ถูกเสียงหัวเราะปกคลุมเอาไว้ไปเลย

ฉีอวี่ถูกหัวเราะจนใบหน้าแดงฉานไม่หยุด แล้วคลานขึ้นมาบนพื้นอย่างจนตรอก แล้วก้มหน้าเดินไปข้างนอก

ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู ก็ชนเข้ากับร่างคนหนึ่งเข้า

คนคนนั้นเข้ามาอย่างรีบร้อน ฉีอวี่ถูกชนจนล้มลงที่พื้นเข้าอย่างจัง จึงหกคะเมนอีกครั้ง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สวะก็เป็นสวะอยู่วันยังค่ำ เดิน ๆ อยู่ก็สามารถถูกคนชนให้ล้มได้ !”

“นั่นสิ สภาพอ่อนแอพวกนี้ เป็นน้องชายแท้ ๆ ของฉีเฟยได้ยังไง ? ไร้ประโยชน์เหลือเกิน!”

“พอได้แล้ว ! ใครกล้าโวยวายอีก ให้ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ !” ฉีเซิ่งเจ้าบ้านตระกูลฉี ตบที่โต๊ะเข้าอย่างจัง “แต่ละคนพูดโดยไม่รู้จักกาลเทศะ เห็นว่าฉันตายหรือยังไง ?”

ฉีเซิ่งสั่งการ ในห้องโถงที่กว้างขวาง เงียบเป็นเป่าสากในชั่วพริบตา

แม้กระทั่งคนที่บุ่มบ่ามถลันเข้ามาคนนั้น ก็คุกเข่าอยู่ที่พื้นอย่างรีบร้อน “เจ้าบ้านไว้ชีวิตด้วย ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจล่วงเกิน มีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรายงานจริง”

ฉีเซิ่งมองดูคนที่มา เห็นว่าคนนั้นที่คุกเข่าอยู่บนพื้นดัดผมสีแดงพลิ้วไหว ยังถักเป็นเปียเล็ก ๆ ด้วย

“นายเป็นใคร ?” ฉีเซิ่งขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบการแต่งตัวของคนที่มาเลย

“รายงานเจ้าบ้าน ผมชื่ออาหนู เป็นศิษย์ที่ยังไม่ได้จดชื่อภายใต้สำนักของผู้อาวุโสฉีกงครับ”

เด็กชายเปียแดงที่เรียกตัวเองว่าอาหนูแนะนำตัวเอง แม้ว่าแต่งกายฮิปปี้อย่างทันสมัยอยู่หน่อย กลับพูดจานอบน้อมและรอบคอบมาก

“อาหนู ?” ฉีกงขมวดคิ้วเล็กน้อย

คนที่อยากเข้าเป็นศิษย์ใต้สำนักของเขานั้นไม่น้อยเลย หลายคนได้ถูกเขาที่ไม่ได้แซ่ฉีไล่ไปหมด

ก็เหมือนอย่างจาปาที่ถูกหม่าหงเทาฟันแขนสองข้างขาด เคยอยากจะหมอบกราบใต้สำนักของเขาอยู่ครั้งหนึ่งด้วยเหมือนกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด