เถิงจู้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในเวลาอันรวดเร็วก็มาถึงข้างกายชะนีขาว
รูปร่างของเธอนั้นเป็นคนตัวเล็ก เมื่อเทียบกับชะนีขาวขนาดใหญ่ยักษ์ เธอเป็นเหมือนเด็กสาวที่ยังไม่โตอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ราวกับว่าชะนีขาวนั้นพลันได้สติจากอาการคลุ้มคลั่งอย่างไรอย่างนั้น
มันเหวี่ยงฉีเฟยออกไป จากนั้นก้มตัวลงเล็กน้อย เหยียดฝ่ามือที่มีขนปุยออกมาและยื่นไปยังด้านหน้าของเถิงจู้
บนฝ่ามือขนปุยนั้นมีสิ่งของลักษณะคล้ายคลึงกับปิ่นปักผม
พื้นผิวราบเรียบ เมื่อมองดูแล้วเหมือนกับว่าทำมาจากกระดูก
“ปิ่นปักผมกระดูก เป็นปิ่นปักผมกระดูกของคุณปู่จริงๆด้วย!”
เถิงจู้ตื่นเต้นเป็นอย่างมากจนน้ำเสียงสั่นเครือ
มือทั้งสองข้างของเธอเช็ดถูกับเสื้อผ้า จากนั้นเหยียดมือสั่นเทาไปยังฝ่ามือของชะนีขาว เธอหยิบปิ่นปักผมกระดูกขึ้นมา
ยี่สิบปี!
ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นปิ่นปักผมกระดูกชิ้นนี้ เวลานั้นล่วงเลยมานานนับยี่สิบปีแล้ว!
ตอนนั้นเธอยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อยถักผมเปีย ความสุขในทุกวันก็คือการนำปิ่นปักผมกระดูกชิ้นนี้แคะหูให้กับปู่
จนกระทั่งวันนั้น ช่วงเวลาพลบค่ำ คุณปู่อุ้มเธอไปยังด้านหลังของภูเขา มอบเธอให้กับชะนีขาว จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมา
“พี่เหยา หลังจากนี้คงจะต้องขอร้องให้คุณช่วยดูแลจู้เอ๋อร์ของฉันด้วย”
น้ำเสียงของปู่ในวันนั้นโศกเศร้าเป็นอย่างมากจนไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้
เมื่อเธอนึกถึงเรื่องเหล่านั้นในเวลานี้ หัวใจของเถิงจู้ก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย
หลังจากนั้น เธอก็รอคอยอยู่ด้านหลังภูเขา แต่ไม่สามารถรอจนกระทั่งปู่กลับมาได้
และตัวเธอก็เติบโตมาจากเด็กหญิงตัวน้อยน้ำมูกยืด กลายเป็นหญิงสาวที่โตเป็นผู้ใหญ่
หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าพี่เหยานั้นจะเป็นเพียงชะนีขาวตัวหนึ่ง แต่กลับมีบทบาทมากมาย สอนให้เธอเติบโต สอนวิชากู่ให้กับเธอ เดินทางไปทั่วหลิ่งหนานกับเธอและคอยช่วยเธอตามหาที่อยู่ของปู่
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง แต่เธอกลับรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ!
กลัวว่าเรื่องทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝัน
เมื่อตื่นขึ้นจากฝัน เรื่องราวทุกอย่างจะกลับไปเป็นเช่นเดิม
เธอยังไม่โตเป็นสาว ยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อยขี้แยคนนั้นเช่นเคย เดินตามหลังพี่เหยาและร้องไห้งอแงหาปู่...
สายตาของเถิงจู้พร่าเบลอเล็กน้อย น้ำตาที่รินไหลออกมาแทบจะบดบังการมองเห็นของเธอ
เธอสูดลมหายใจเข้า จ้องมองชะนีขาวพลางร้องไห้ “พี่เหยา เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝันไป ใช่ไหม?”
“พวกเราค้นหามาเนิ่นนานหลายปี ในที่สุดก็ค้นพบสิ่งของติดตัวของคุณปู่!”
“ปิ่นปักผมกระดูกชิ้นนี้ ไม่เคยห่างจากกายเขา! ฉันไม่มีทางมองผิดไปอย่างแน่นอน!”
ราวกับว่าชะนีขาวนั้นจะเห็นด้วยกับคำพูดของเถิงจู้เป็นอย่างมาก จากนั้นเหวี่ยงแขนปุกปุยของตนและตบแผงอกอย่างรุนแรง
ทางด้านเถิงจู้ยังคงถือปิ่นปักผมกระดูกไว้และจ้องมองอย่างละเอียด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้คนเยอะ เธอคาดว่าเธอคงร้องไห้ออกมาเสียนานแล้ว
ฉินเทียนก้าวเท้าเข้ามาและเอ่ยถามเธอด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณแน่ใจใช่ไหม ว่านี่คือสิ่งของที่กู่เซียนไม่เคยทอดทิ้งให้ห่างกายเขา?”
“แน่นอนอยู่แล้ว! นี่คือสิ่งของของปู่ฉันนะ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยห่างจากกายเขาเลย!”
ขณะเถิงจู้กล่าว เธอหันหน้าไปพูดกับชะนีขาว “จับคนผู้นั้นกลับมา เขาถือครองปิ่นปักผมกระดูกของคุณปู่ไว้ เขาจะต้องรู้ที่อยู่ของคุณปู่แน่นอน!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ ชะนีขาวกระโดดไปยังด้านข้างของฉีเฟย ฝ่ามือขนาดยักษ์หยิบยกเขาขึ้นมาอย่างง่ายดาย จากนั้นก็พาเขากลับมาหาเถิงจู้
ปากและจมูกของฉีเฟยเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เขากำลังจะขาดอากาศหายใจและอาจจะหมดลมหายใจได้ทุกเมื่อ
เถิงจู้ร้อนรนอยากรู้ที่อยู่ของกู่เซียน เธอถือปิ่นปักผมกระดูกไว้พลางเอ่ยถามฉีเฟย “พูดมา! เจ้าของของชิ้นนี้อยู่ที่ไหน?!”
ดวงตาของฉีเฟยเป็นประกาย เขาเหยียดมือออกมาเพื่อช่วงชิงปิ่นปักผมอันนั้น “เอาคืนมาให้ฉัน! มัน...มันเป็นของน้องชายฉัน...”
เมื่อคืนเป็นค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ขณะที่ฉีเฟยกำลังขุดหลุมฝังศพให้กับฉีกง เขาเห็นกับตาของตัวเองว่าฉีอวี่ถูกแทงทะลุหัวใจและถูกโยนลงมาจากหน้าผา
ฉีอวี่ในเวลานั้น เพียงแค่มองดูก็รู้ว่าไม่อาจรอดชีวิต แต่กลับหยิบปิ่นปักผมกระดูกเปื้อนเลือดชิ้นนี้ออกมาจากหน้าอก มอบให้เขาด้วยท่าทีจริงจังและให้เขานำมันไป
จากนั้นเหมือนกับว่ามีบางอย่างต้องการจะกล่าว แต่ทว่าฉีอวี่ยังไม่ทันจะกล่าวอะไรได้อย่างชัดเจน เขาก็พลันสิ้นลม
ฉีเฟยไม่รู้ว่าน้องชายของตนนั้นต้องการจะกล่าวสิ่งใด แต่ทว่าปิ่นปักผมกระดูกชิ้นนี้เป็นสิ่งของเพียงชิ้นเดียวที่น้องชายของเขาทิ้งไว้ก่อนตาย!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาจะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...