บัญชามังกรเดือด นิยาย บท 1061

สรุปบท บทที่ 1061 ยืดอายุขัย: บัญชามังกรเดือด

สรุปเนื้อหา บทที่ 1061 ยืดอายุขัย – บัญชามังกรเดือด โดย สวรรค์ไร้เทียมทาน

บท บทที่ 1061 ยืดอายุขัย ของ บัญชามังกรเดือด ในหมวดนิยายแฟนตาซี เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย สวรรค์ไร้เทียมทาน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เถิงจู้ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในเวลาอันรวดเร็วก็มาถึงข้างกายชะนีขาว

รูปร่างของเธอนั้นเป็นคนตัวเล็ก เมื่อเทียบกับชะนีขาวขนาดใหญ่ยักษ์ เธอเป็นเหมือนเด็กสาวที่ยังไม่โตอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ราวกับว่าชะนีขาวนั้นพลันได้สติจากอาการคลุ้มคลั่งอย่างไรอย่างนั้น

มันเหวี่ยงฉีเฟยออกไป จากนั้นก้มตัวลงเล็กน้อย เหยียดฝ่ามือที่มีขนปุยออกมาและยื่นไปยังด้านหน้าของเถิงจู้

บนฝ่ามือขนปุยนั้นมีสิ่งของลักษณะคล้ายคลึงกับปิ่นปักผม

พื้นผิวราบเรียบ เมื่อมองดูแล้วเหมือนกับว่าทำมาจากกระดูก

“ปิ่นปักผมกระดูก เป็นปิ่นปักผมกระดูกของคุณปู่จริงๆด้วย!”

เถิงจู้ตื่นเต้นเป็นอย่างมากจนน้ำเสียงสั่นเครือ

มือทั้งสองข้างของเธอเช็ดถูกับเสื้อผ้า จากนั้นเหยียดมือสั่นเทาไปยังฝ่ามือของชะนีขาว เธอหยิบปิ่นปักผมกระดูกขึ้นมา

ยี่สิบปี!

ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นปิ่นปักผมกระดูกชิ้นนี้ เวลานั้นล่วงเลยมานานนับยี่สิบปีแล้ว!

ตอนนั้นเธอยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อยถักผมเปีย ความสุขในทุกวันก็คือการนำปิ่นปักผมกระดูกชิ้นนี้แคะหูให้กับปู่

จนกระทั่งวันนั้น ช่วงเวลาพลบค่ำ คุณปู่อุ้มเธอไปยังด้านหลังของภูเขา มอบเธอให้กับชะนีขาว จากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมา

“พี่เหยา หลังจากนี้คงจะต้องขอร้องให้คุณช่วยดูแลจู้เอ๋อร์ของฉันด้วย”

น้ำเสียงของปู่ในวันนั้นโศกเศร้าเป็นอย่างมากจนไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้

เมื่อเธอนึกถึงเรื่องเหล่านั้นในเวลานี้ หัวใจของเถิงจู้ก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย

หลังจากนั้น เธอก็รอคอยอยู่ด้านหลังภูเขา แต่ไม่สามารถรอจนกระทั่งปู่กลับมาได้

และตัวเธอก็เติบโตมาจากเด็กหญิงตัวน้อยน้ำมูกยืด กลายเป็นหญิงสาวที่โตเป็นผู้ใหญ่

หลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าพี่เหยานั้นจะเป็นเพียงชะนีขาวตัวหนึ่ง แต่กลับมีบทบาทมากมาย สอนให้เธอเติบโต สอนวิชากู่ให้กับเธอ เดินทางไปทั่วหลิ่งหนานกับเธอและคอยช่วยเธอตามหาที่อยู่ของปู่

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง แต่เธอกลับรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ!

กลัวว่าเรื่องทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นจะเป็นเพียงแค่ความฝัน

เมื่อตื่นขึ้นจากฝัน เรื่องราวทุกอย่างจะกลับไปเป็นเช่นเดิม

เธอยังไม่โตเป็นสาว ยังคงเป็นเด็กหญิงตัวน้อยขี้แยคนนั้นเช่นเคย เดินตามหลังพี่เหยาและร้องไห้งอแงหาปู่...

สายตาของเถิงจู้พร่าเบลอเล็กน้อย น้ำตาที่รินไหลออกมาแทบจะบดบังการมองเห็นของเธอ

เธอสูดลมหายใจเข้า จ้องมองชะนีขาวพลางร้องไห้ “พี่เหยา เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝันไป ใช่ไหม?”

“พวกเราค้นหามาเนิ่นนานหลายปี ในที่สุดก็ค้นพบสิ่งของติดตัวของคุณปู่!”

“ปิ่นปักผมกระดูกชิ้นนี้ ไม่เคยห่างจากกายเขา! ฉันไม่มีทางมองผิดไปอย่างแน่นอน!”

ราวกับว่าชะนีขาวนั้นจะเห็นด้วยกับคำพูดของเถิงจู้เป็นอย่างมาก จากนั้นเหวี่ยงแขนปุกปุยของตนและตบแผงอกอย่างรุนแรง

ทางด้านเถิงจู้ยังคงถือปิ่นปักผมกระดูกไว้และจ้องมองอย่างละเอียด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้คนเยอะ เธอคาดว่าเธอคงร้องไห้ออกมาเสียนานแล้ว

ฉินเทียนก้าวเท้าเข้ามาและเอ่ยถามเธอด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณแน่ใจใช่ไหม ว่านี่คือสิ่งของที่กู่เซียนไม่เคยทอดทิ้งให้ห่างกายเขา?”

“แน่นอนอยู่แล้ว! นี่คือสิ่งของของปู่ฉันนะ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยห่างจากกายเขาเลย!”

ขณะเถิงจู้กล่าว เธอหันหน้าไปพูดกับชะนีขาว “จับคนผู้นั้นกลับมา เขาถือครองปิ่นปักผมกระดูกของคุณปู่ไว้ เขาจะต้องรู้ที่อยู่ของคุณปู่แน่นอน!”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเธอ ชะนีขาวกระโดดไปยังด้านข้างของฉีเฟย ฝ่ามือขนาดยักษ์หยิบยกเขาขึ้นมาอย่างง่ายดาย จากนั้นก็พาเขากลับมาหาเถิงจู้

ปากและจมูกของฉีเฟยเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เขากำลังจะขาดอากาศหายใจและอาจจะหมดลมหายใจได้ทุกเมื่อ

เถิงจู้ร้อนรนอยากรู้ที่อยู่ของกู่เซียน เธอถือปิ่นปักผมกระดูกไว้พลางเอ่ยถามฉีเฟย “พูดมา! เจ้าของของชิ้นนี้อยู่ที่ไหน?!”

ดวงตาของฉีเฟยเป็นประกาย เขาเหยียดมือออกมาเพื่อช่วงชิงปิ่นปักผมอันนั้น “เอาคืนมาให้ฉัน! มัน...มันเป็นของน้องชายฉัน...”

เมื่อคืนเป็นค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ขณะที่ฉีเฟยกำลังขุดหลุมฝังศพให้กับฉีกง เขาเห็นกับตาของตัวเองว่าฉีอวี่ถูกแทงทะลุหัวใจและถูกโยนลงมาจากหน้าผา

ฉีอวี่ในเวลานั้น เพียงแค่มองดูก็รู้ว่าไม่อาจรอดชีวิต แต่กลับหยิบปิ่นปักผมกระดูกเปื้อนเลือดชิ้นนี้ออกมาจากหน้าอก มอบให้เขาด้วยท่าทีจริงจังและให้เขานำมันไป

จากนั้นเหมือนกับว่ามีบางอย่างต้องการจะกล่าว แต่ทว่าฉีอวี่ยังไม่ทันจะกล่าวอะไรได้อย่างชัดเจน เขาก็พลันสิ้นลม

ฉีเฟยไม่รู้ว่าน้องชายของตนนั้นต้องการจะกล่าวสิ่งใด แต่ทว่าปิ่นปักผมกระดูกชิ้นนี้เป็นสิ่งของเพียงชิ้นเดียวที่น้องชายของเขาทิ้งไว้ก่อนตาย!

ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาจะต้องรักษาเอาไว้ให้ได้!

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเป็นคนอื่นจะต้องส่ายศีรษะและเดินจากไปอย่างแน่นอน

คนกำลังจะตาย ต่อให้ช่วยเหลือไปก็คงจะสิ้นเปลืองแรงเสียเปล่า

ฉินเทียนกลับไม่สละความพยายาม เขาจะใช้กุ่ยเหมินสิบสามเข็มเพื่อต่อชีวิตฉีเฟย

แต่ทว่าต่อให้จะฝืนพยายาม คงจะสามารถยืดเวลาต่อไปได้เพียงแค่สามวันเท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินเทียนนั้นไม่ได้มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย

สามวันงั้นเหรอ? ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งวันก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้เขาแค่ต้องการค้นหาเบาะแสที่อยู่ของกู่เซียนจากปากของฉีเฟย

ส่วนฉีเฟยจะตายวันนี้หรือตายวันพรุ่งนี้ นั่นก็ขึ้นอยู่กับการหาเรื่องใส่ตัวของเขาเอง!

ถ้ายังมีชีวิตอยู่เกินกว่าครึ่งวัน ในทางตรงกันข้ามคงจะเป็นการทำร้ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากกว่า!

ฉินเทียนทำการตัดสินใจ หยิบเข็มเงินออกมา จากนั้นทิ่มแทงลงบนจุดตายของร่างกายฉีเฟย

การฝังเข็มนี้ประหลาดเป็นอย่างมาก ทุกจุดที่เข็มทิ่มแทงลงไปนั้นคือจุดคร่าชีวิตผู้คน

สามารถใช้ร่วมกับวิธีการมหัศจรรย์ของกุ่ยเหมินสิบสามเข็ม อีกทั้งยังร่วมด้วยกับความแข็งแกร่งของการศึกษาที่มีมาอย่างยาวนานของฉินเทียน การกระตุ้นพลังชีวิตของฉีเฟยนั้นประสบความสำเร็จ!

เหมือนกับคนที่เข้าสู่ห้วงแห่งความตายถูกฉีดเอพิเนฟรีน[1]อย่างไรอย่างนั้น

ฉีเฟยลืมตาขึ้นในทันใด ไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่เขากลับรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขานั้นเบาราวกับนกนางแอ่น

เขาจ้องมองฉินเทียนด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ “นายเป็นเทพเจ้างั้นเหรอ?”

ฉีเฟยไม่ใช่คนโง่เขลา เมื่อถูกชะนีขาวจับได้ เขาสามารถคาดเดาได้ว่าวันนี้เขาจะต้องกลายเป็นศพอยู่ที่ป่าไผ่เป็นแน่

เขาไม่กลัวความตาย สิ่งที่เขากลัวคือถ้าหากเขาตายก็จะไม่มีใครแก้แค้นให้กับน้องชายของเขาที่ตายอย่างไม่ได้รับความยุติธรรม!

ดังนั้นไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด เขาจะต้องกัดฟันทนและมีชีวิตอยู่ต่อไป!

มีเพียงแค่การมีชีวิตอยู่รอดเท่านั้นถึงจะสามารถพลิกสถานการณ์และได้รับชัยชนะ!

เอพิเนฟรีน[1] หมายถึง เป็นฮอร์โมนและสารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง ฮอร์โมนที่ต่อมหมวกไตหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองปฏิกิริยาของร่างกายที่สั่งให้ต่อสู้หรือหนีเมื่อตกอยู่ในเหตุการณ์อันตราย ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด