เมื่อเห็นจอนสีขาวของพ่อ ฉินเทียนก็ลังเลอยู่เล็กน้อย แล้วกระซิบว่า "เรื่องทั้งหมดก็ผ่านไปแล้ว คุณก็อย่าเสียใจมากนักเลย"
"ผมรู้ว่า แม่ของผมเป็นวิญญาณอยู่บนสวรรค์ และความปรารถนาสูงสุด ก็คือให้พวกเรามีชีวิตที่ดี"
ฉินฉีใช้แรงตบไปที่แขนของฉินเทียน แล้วทนต่อความตื่นเต้นไว้พลางกล่าวว่า "ตกลง!"
“พวกเราจะมีชีวิตที่ดี!”
“รอให้ซูซูคลอดลูกมาแล้ว พวกเราค่อยไปไหว้หลุมศพแม่ของลูกด้วยกัน”
ฉินเทียนพยักหน้าเล็กน้อย “คุณอยากจะลองกลับไปที่บ้านด้วยกันกับผมไหม?”
“เย็นมากขนาดนี้แล้ว ไม่อย่างนั้นก็อยู่ที่นี่ก่อนเถอะ”
ฉินฉีหัวเราะยกใหญ่ “ก่อนหน้านี้เป็นพ่อที่เรียกให้ลูกกลับบ้านกับพ่อ ตอนนี้เริ่มเป็นลูกที่เรียกพ่อกลับบ้านเสียแล้ว”
“ไม่เลวเลย ลูกชายโตมากแล้ว ต่างก็มีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว”
“เพียงแต่ว่า ไม่ต้องหรอก”
"ตอนนี้ซูซูกำลังอยู่ในช่วงเวลาวิกฤต หากพ่อไปก็มีแต่จะเพิ่มความวุ่นวายเสียเปล่า ลูกรีบกลับไปเถอะ"
“พ่อก็ต้องรีบกลับไป รอข่าวของลูกกับท่านนักบวช”
“ตกลง!”ฉินเทียนไม่ได้ดึงดันอีก
ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะแก้ไขความเข้าใจผิดกับฉินฉีได้ แต่ทว่าเหินห่างกันมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ก็ยังคงไม่ค่อยสะดวกใจอยู่บ้างเล็กน้อย
นอกจากนี้ การรักษาโรคให้กับซูซู ถึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้!
เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกัน ฉินเทียนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกระซิบถามว่า “มีสามเรื่อง ที่ผมอยากจะถามสักหน่อย”
“เรื่องแรก ในปีนั้นปู่และอาเล็กของผมเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แล้วคุณรู้ไหมว่าพวกเขาไปอยู่ที่ไหนกัน?”
"เรื่องที่สอง คุณรู้หรือไม่ อันที่จริงแล้วฉินเปียวได้เข้าร่วมกับวิหารเทพสังหารมานานแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในตำแหน่งหนึ่งในสิบแปดเทพสังหารอีกด้วย"
"เรื่องที่สาม เรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิหารเทพสังหาร คุณรู้เรื่องมากน้อยแค่ไหน?"
เมื่อได้ยินคำถามทั้งสามข้อนี้ สีหน้าของฉินฉีก็เปลี่ยนไปซับซ้อนขึ้นมาทันที
ไม่เพียงแค่การแสดงออกนี้เท่านั้น ฉินเทียนก็รู้ได้ในทันที ด้วยคำถามทั้งสามข้อนี้ ฉินฉีจะต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน
แม้ว่าจะไม่ได้เข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ แต่ทว่าน่าจะรู้ความลับบางอย่างอย่างแน่นอน
หัวใจของฉินเทียน กระตุกขึ้นมาอีกครั้ง
เขาอดคิดไม่ได้ว่า เรื่องที่ฉินเปียวเข้าร่วมวิหารเทพสังหาร คงจะไม่ใช่เพราะทำไปตามเจตนารมณ์ของพ่อหรอกนะ?
ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น มันจะอธิบายอะไรได้อีก?
ฉินฉีก็เป็นคนของวิหารเทพสังหาร?
ถึงอย่างไรมันกลับทำให้ฉินเทียนรู้สึกว่า การใช้ชีวิตอย่างสันโดษบนภูเขาของฉินฉีนี้ ดูเหมือนคนสมรรถะและไม่คุยถึงเรื่องโลกภายนอก แต่ทว่า คนผู้นี้ไม่ง่ายอย่างนั้นอย่างแน่นอน
ลูกชายคนโตของตระกูลฉินเก่า ในนามที่เป็นเจ้าบ้าน จะเป็นคนที่ง่ายดายได้อย่างไร
ฉินฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มอย่างคลุมเครือพลางกล่าวว่า “พ่อรู้บ้างเล็กน้อย”
“แต่ว่าตอนนี้ไม่อาจบอกลูกได้”
เมื่อเห็นฉินเทียนกำลังจะโกรธ เขาก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า "เสี่ยวเทียน ในฐานะของผู้สืบทอดตระกูลฉินเก่า เป็นลูกชายคนโตและหลานคนโต แต่ทว่าสำหรับเรื่องในตระกูลฉินเก่าเหล่านี้ กับลูกที่ในตอนนี้ได้กลายเป็นคนนอกอย่างสมบูรณ์แล้ว"
“พ่อสามารถบอกลูกได้แค่ว่า มีความลับบางอย่าง ที่มีเพียงเจ้าบ้าน หรือผู้สืบทอดเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์รู้ได้”
“อยากรู้หรือไม่ ก็อยู่ที่ตัวลูกเองแล้ว”
ฉินเทียนงงงัน
สิ่งนี้เท่ากับฉินฉีได้เอาคำถามโยนกลับมา หากเขาต้องการที่จะรู้ความลับให้มากกว่านี้ ก็จะต้องกลายเป็นศูนย์กลางของตระกูลฉิน
มีเพียงแต่ต้องเป็นผู้สืบทอดหรือเป็นเจ้าบ้านถึงจะสามารถรู้เรื่องราวได้ ซึ่งมันสามารถจินตนาการได้ว่า ความลับนั้นจะเป็นเรื่องอะไร
นี่เป็นการตบตาของฉินฉีที่จะเชิญเขากลับไป
ฉินเทียนเงียบไป
“ไม่รีบ”
“เรื่องเหล่านี้ ไม่รีบร้อนอะไรเลย จากนี้หากมีเวลาก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจไป”
ฉินฉีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจเรื่องหนึ่งได้ จึงกล่าวว่า “ในเมื่อลูกถามเรื่องเหล่านี้ เช่นนั้นพ่อจะไม่ถือสาแล้วบอกข่าวลูกข้อหนึ่ง”
"ลูกรู้หรือไม่ว่าพ่อกับท่านนักบวชอายุยืนเห็นคำใบอะไรจากหนังสือโบราณนั้น?"
"นั่นก็คือคำใบเรื่องโรคของซูซูที่นำมาสรุปวิธีการรักษาจากนี้ไป"
“อะไรหรือ?”ฉินเทียนรีบร้อนถามขึ้น
"มีประโยคที่ว่า : สายเลือดเทพสังหาร ความเจริญของลูกแลกชีวิตแม่"
“คุณพูดว่าอะไรนะ?”ฉินเทียนราวกับโดนตีแสกหน้า
ฉินฉียิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก และรีบพาราชาถงจิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
ฉินเทียนที่ถูกทิ้งเอาไว้ ตะลึงจนตัวแข็งทื่อ ท่ามกลางดวงตาของเขาคู่นั้น ต่างเต็มไปด้วยความตกใจอย่างหาที่สุดไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัญชามังกรเดือด
บท 656 มีไหน...
จะหาอ่านต่อได้ยังไงครับ...
ตอน 656 ไปไหน...
เรื่องนี้ไม่อัพเดทต่อแล้วหรอค่ะ...
เลิกเขียนแล้วใช่ไหมครับ...
นิยายเขียนต่อมั้ยครับ...