ธารน้ำแข็งปิดผนึกหมื่นปี ร้อยพันเหมันต์โหมกระหน่ำกลางฤดูใบไม้ร่วง!
จิตใจของเย่หยวนปั่นป่วนสับสนคล้ายกำลังจะระเบิดออกมา
ทันทีที่เขาเห็นโฉมสะคราญร่างงามนี้ เย่หยวนพลันรู้สึกใจสั่นระรัวอย่างไร้เหตุผล!
หากเป็นลี่เอ๋อก็ยังเข้าใจได้ แต่ในครานี้กลับมิใช่กับนาง
เย่หยวนพยายามไม่ใส่ใจความปั่นปวนเหล่านี้ที่ก่อตัวขึ้น
ซึ่งก็ต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแม่นยำ ถึงขั้นที่ว่าเขาได้แต่ติเตียนตัวเองอยู่ภายในใจ
ทว่ายิ่งพยายามไม่คิดเท่าไหร่ ความรู้สึกนี้กลับยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? น่าประหลาดใจดีใช่หรือไม่? หรือตกใจกัน?”
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเย่หยวนที่เปลี่ยนไปโดยพลัน ข่านนั่วยิ่งหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่
สีหน้าของเย่หยวนทมึงตึงมืดทมิฬถึงขีดสุด
ดั่งหัวใจถูกมีดกรีดแทงจนหลั่งเลือดสด!
บนไม้กางเขนนั้น ทั้งแขนและขาของโฉมสะคราญร่างงามถูกตอกตะปูฝังลึกลงแน่น
ธารเลือดที่หลั่งออกมาแห้งคาวมาเป็นเวลานานแล้ว!
ส่วนตะปูเหล่านี้ เย่หยวนพอรู้จักอยู่บ้าง มันเรียกว่า ตะปูผนึกวิญญาณ ทันทีที่ตอกตะปูนี้ลงบนร่างกาย มันจะเข้าผนึกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของบุคคลนั้นเพื่อมิให้หนีออกมาได้
แม้แต่เซียนอาณาจักรราชันย์เทวะก็ไม่สามารถหนีรอดออกมาได้เช่นกัน!
ส่วนตัวไม้กางเขน กลิ่นอายพลังที่พรั่งพรูค่อนข้างผิดประหลาด พินิจได้ว่ามันมิใช่ไม้กางเขนธรรมดา
เย่หยวนมองผ่านกระจ่างชัดอย่างรวดเร็ว นั้นเป็นค่ายกลกางเขนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อผนึกพลังปราณโดยเฉพาะ!
บนไม้กางเขนนี้ ใบหน้าของอิสตรีผู้งดงามยังคงสงบเยือกเย็นราวกับหาได้เกรงกลัวอันใดไม่
ในทางกลับกัน ทั้งๆที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่นางก็ยังยิ้มได้!
ทว่ารอยยิ้มนี้กลับบาดคมเสียยิ่งกว่าเข็มเหล็กที่ตอกแทงลึกทะลุขั้วหัวใจของเย่หยวน
เย่หยวนรู้ดี รอยยิ้มนั้นหมายความอย่างไร!
นางมิได้คิดตำหนิหรือไม่พอใจเขาแม้สักนิด แต่ตรงกันข้ามเลย…นางยินยอมตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ด้วยซ้ำ!
ถึงจะต้องพบกันภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แต่สำหรับนาง…มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด!
โฉมสะคราญผู้งดงามนางนี้มิใช่ใครอื่นนอกจาก
หญิงสาวผู้งดงามที่สุดแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์…มู่หลินเสวีย!
“ฮ่าฮ่าฮ่า… สาวน้อย ดูท่าชายหนุ่มที่เจ้ารักกลับไม่มีเจ้าอยู่ในหัวใจเลย! รู้อะไรหรือไม่…หากย้อนกลับไป ทันทีที่เขาทราบว่า สาวน้อยจากตระกูลเยวี่ยล่วงลับไป เขาก็บ้าคลั่งอย่างหนักจนแทบกลายเป็นปีศาจร้าย! ดูสิ! นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ภายในใจของเขาไม่เคยมีเจ้ามาก่อนเลย!”
ข่านนั่วกล่าวขึ้นพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
แต่มู่หลินเสวียกลับหาได้สนใจเสียงของข่านนั่วไม่ นางสบตาเย่หยวนพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนกล่าวว่า
“ดูท่าเจ้าจะแปลกใจไม่น้อยที่เจอข้า”
คลื่นความปั่นปวนถาโถมเข้าสู่จิตใจเย่หยวนอย่างรุนแรง!
เขาได้แต่อ้าปาก ทว่ากลับมิทราบ ตนควรกลับอะไรตอบ
เขาจะกล่าวอย่างไรดี?
บอกไปว่า รู้สึกใจสั่นทั้งๆที่ไม่เคยคิดถึงเจ้าเลย…เช่นนั้นรึ?
มู่หลินเสวียคลี่ยิ้มหวาน
รอยยิ้มอันแสนงดงามของราชินีนำแข็งนางนี้ช่างทรงเสน่ห์จนทั่วทั้งผืนพิภพต้องสั่นไหว ราวกับฟ้าดินถูกหลอมละลายอย่างน่าประหลาดใจ
มู่หลินเสวียในเวลานี้ช่างงดงามไร้ที่ติเช่นเคย
ทุกคนใต้เบื้องล่างล้วนปิดปากเงียบสนิท
พวกเขาทั้งหมดทราบดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจอมราชันย์พิชิตสวรรค์กับจอมราชันย์เหมันต์ค่อนข้างคลุมเครือยิ่ง
หากย้อนกลับไป มีเหล่าอัจฉริยะมากมายที่ตามติดตามจีบจอมราชันย์เหมันต์ไม่ขาดสาย
แต่นางกลับปันใจให้เพียงจอมราชันย์พิชิตสวรรค์แค่คนเดียว!
โชคไม่ดีนัก ธารหัวใจได้แต่ร่ำร้อง บุปผาที่กำลังปริบานกลับร่วงโรยลงไปเสียก่อน ในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งคู่ก็หาได้เดินเคียงข้างกันไม่
กาลเวลาเลยผ่าน สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไป จี้ฉิงหยุนเป็นเพียงนามในอดีต ยามนี้เขากลับชาติมาเกิดใหม่ภายใต้นามขานเย่หยวน ณ ปัจจุบันมีเพียง จอมราชันย์พิชิตสวรรค์ที่เดินเคียงคู่มากับบุตรสาวอันภาคภูมิใจของตระกูลเยวี่ยแห่งเมืองจันทร์ฉายเท่านั้น
เดิมทีเรื่องนี้ถูกกลบฝังไปนานแล้วในจิตใจของทุกคน เพราะท้ายที่สุดนี้มู่หลินเสวียได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เรื่องราวความสัมพันธ์อันแสนคลุมเครือระหว่างทั้งคู่จึงเงียบหายเขากลีบเมฆ
ยามนี้ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า มหาศึกสงครามที่กำลังจะสิ้นสุดลง ข่านนั่วกลับใช้จอมราชันย์เหมันต์เป็นตัวประกันเพื่อขู่เย่หยวน!
และแน่นอน…แผนนี้ใช้ได้ผล!
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเอ่ยกล่าวอันใด! แต่ข้า…ขอถามเจ้าเพียงประโยคเดียว!”
มู่หลินเสวียกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น
เย่หยวนในปัจจุบัน เขาจนปัญญาจริงๆว่าจะสรรหาวาจาใดมาอธิบายความรู้สึกที่มีในขณะนี้
หากมู่หลินเสวียเผยสีหน้าความรู้สึกอันใดบ้าง อย่างน้อยมันก็ช่วยระบายความรู้สึกภายในใจของเขาออกมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...