หวีด!
หวีด!
…
เหล่ายักษ์หินโลกันตร์ซัดกระหน่ำครั้งแล้วครั้งเล่า คลื่นพลังที่ปลดปล่อยออกไปกวาดล้างทั่วทั้งบริเวณทั้งหมด
ในทำนองเดียวกัน ยักษ์หินโลกันตร์อาณาจักรบรรพชนพระเจ้าตรงหน้า ต้วนเฟยทำได้แค่เลี่ยงหลบเท่านั้น หาได้หาญกล้าเข้าเผชิญหน้ากับมันโดยตรงเลย
ยักษ์หินโลกันตร์ตนนี้แข็งแกร่งเกินไป แต่ละหมัดที่พวยพุ่งออกไปล้วนกอปรไปด้วยศาสตร์แห่งไฟอันลึกล้ำยิ่ง ซึ่งมันทรงพลังอย่างหาทีเปรียบไม่
“ให้ตาย! เย่หยวน ยามใดที่ข้าจับตัวเจ้าได้ จ้าจะฉีกแขนขาของเจ้าออกมาเป็นชิ้นๆ!”
ต้วนเฟยยามนี้รังเกียจเย่หยวนถึงขีดสุด
แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ความคิด ยักษ์หินโลกันตร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาทรงพลังมากเกินไป
ต้วนเฟยถูกสกัดเคลื่อนไหวไปไหนมิได้ กล่าวได้ว่าไม่เหลือเวลาให้ทำอย่างอื่นเลย
โดยรอบบริเวณเคียงข้าง ปรากฏเสียงกรีดร้องดังระงมไม่หยุดหย่อน
ทุกคนต่างถูกพวกยักษ์หินโลกันตร์ปิดล้อมทั่วทุกมุม และมีจำนวนผู้คนไม่น้อยที่เริ่มพลาดท่าเสียทีแก่พวกมัน
ชวิ้งง!
ในเวลานั้นเองร่างเงาดำสายหนึ่งพุ่งฝ่าออกจากใจกลางกรอบที่ตีล้อมของพวกยักษ์หินโลกันตร์ออกมา ก่อนที่ร่างแปรเปลี่ยนเป็นประกายไสวกระตุกวูบหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
สีหน้าของต้วนเฟยมืดทมิฬลงเป็นคำรบสอง เขาตะโกนลั่นด้วยความโกรธจัดอีกคราว่า
“ประมุขวังเทวะสัมปรายภพ! เจ้าเองก็ต้องการเป็นศัตรูกับวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นกัน?!”
อย่างไรก็ตาม‘ประมุขวังสัมปรายภาพ’กลับหาได้ใส่ใจฟังไม่ และอันตรธานหายลับสายตาของเขาไปโดยตรง
ต้วนเฟยโมโหจัดแทบสมองแทบระเบิด
ลืมเรื่องวังเทวะรัตติกาลฉายไปได้เลย นามนี้แม้แต่ประมุขวังเทวะสัมปรายภพยังหาญกล้าไม่ฟังคำพูดของเขาแล้วเช่นกัน
นี่มันมากเกินไปแล้ว!
“ให้ตาย! หลังจากที่กลับไปคราวนี้ ข้าจะต้องคิดบัญชีกับวังเทวะรัตติกาลฉาย กับวังเทวะสัมปรายภพให้เบ็ดเสร็จเลยคอยดู! เจ้าพวกนี้หยิ่งผยองเกินไป!”
ต้วนเฟยครุนพินิจเดือดดาลอยู่ภายในใจ
ภายในหัวของฉินเทียนมีแต่เรื่องฆ่าเย่หยวน ดังนั้นในตอนนี้มีหรือจะมีเวลาไปสนใจตวนเฟย?
วังเทวะสัมปรายภพจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้หรือจะลงเอยอย่างไร มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
ความแกร่งกล้าของฉินเทียนสำเร็จถึงอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าครึ่งขั้นแล้ว นอกจากนี้ขอบเขตความเข้าใจของเขายังสูงส่งมาก เมื่อเทียบแล้วระดับพลังค่อนข้างใกล้เคียงกับคนในวังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นแค่การตีฝ่าออกจากวงล้อมของพวกยักษ์หินโลกันตร์เหล่านี้จึงหาใช่เรื่องยากอันใด
เข้าแฝงตัวอยู่ในดินแดนนภาบรรพตมาเป็นเวลาสิบปีเต็มโดยมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียวคือ การฆ่าเย่หยวน
และเมื่อมีโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจะปล่อยมันไปเฉยๆได้อย่างไร?
…
กลุ่มคนของวังเทวะรัตติกาลฉายกำลังติดตามเย่หยวนซึ่งเป็นผู้นำ ตรงเข้าสำรวจเส้นทางเบื้องหน้าอย่างแช่มช้าระมัดระวัง
“ผู้อาวุโสสูงสุด ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง! เดินทางเข้ามาในซากอักขระเทวะครั้งนี้ดูจะอันตรายกว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา!”
ไป๋ซิ่วเอ่ยกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม
เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า
“หากข้าเดาไม่ผิด มันน่าจะเป็นเพราะภายในนี้น่าจะมีสมบัติล้ำค่า!”
“สมบัติล้ำค่ากำลังจะปรากฏขึ้นมา!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ ทุกคนต่างเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความยินดี
สมบัติล้ำค่ากำลังจะปรากฏขึ้นมา แล้วใครจะสงบใจลงได้?
บางทีนี้อาจกลายเป็นโชคดีของพวกเขาที่มีครั้งเดียวในชีวิต!
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของพวกเขา เย่หยวนพลันแสยะยิ้มบางและกล่าวว่า
“พวกเจ้าทุกคน ยังเร็วเกินไปที่จะดีใจจเชนนั้น จะเป็นโชคชะตาหรือหายนะของชีวิตกลับมีใครทราบ! หากประเมินไจนไม่ระวัง พวกจ้าทุกคนอาจตายไม่รู้ตัว!”
เสมือนถูกเย่หยวนสาดน้ำเย็นเข้าใส่อย่างจัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่า นั้นมิอาจดับความตืนเต้นของพวกเขาลงได้ทั้งหมด
คำเตือนเหล่านี้ทุกคนต่างตระหนักทราบดี เพียงว่ายามเผชิญหน้ากับสมบัติสุดล้ำค่า พวกเขาจะสงบสติอารมณ์ลงได้อย่างไร?
ทันนั้นทุกคนก็ตรงมาถึงพื้นที่เปิดโล่ง คลื่นพลังไร้ขอบเขตทำเอาทุกคนดวงตาสว่างไสวขึ้นฉับพลัน
“ผลเก้าทำนองกายาอมตะ! แถมยังมีเยอะมาก!”
“มีจำนวนไม่น้อยที่โตเต็มที่แล้ว! ประสบโชคดีครั้งใหญ่แล้ว!”
ตรงหน้าพวกเขาปรากฏเป็นสวนผลเก้าทำนองกายาอมตะมากมาย บริเวณโดยรอบที่แห่งนี้มีมันอยู่เกลือนเต็มไปหมด
ผลเก้าทำนองกายาอมตะจะถูกแบ่งออกเป็นสองระดับ คือ กึ่งสุกกับโตเต็มที่ ซึ่งผลที่ไป๋เฉินมอบให้เย่หยวนเป็นแบบกึ่งสุก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...