สีหน้าการแสดงออกของเหล่านักสู้เปี่ยมล้นไปด้วยใบหน้าแสนตื่นอกตื่นเต้น เจือความเลื่อมใสจากก้นบึ้งของหัวใจ
‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’หวนคืนกลับสู่ลานประลองเลือดอีกครั้ง เพียงประโยคนี้เพียงประโยคเดียวก็มากเกินพอที่จะทำให้พวกเขาตื่นอกตื่นเต้นกันได้แล้ว
เหล่าผู้คนที่นั่งรับชมอยู่โดยรอบในทุกๆวันล้วนเป็นพวกชอบเสพติดความรุนแรง
เผ่าปีศาจชื่นชอบการต่อสู้ยิ่งกว่าสิ่งใด ดังนั้นพวกเขาจึงเคารพเลื่อมใสอย่างไม่มีสิ้นสุดต่อ‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’
ไคซินเป็นตำนานและต้นแบบในการดำเนินชีวิตต่อใครหลายคา
“ฮ่าๆๆ ข้ารอวันนี้มากว่าสองร้อยปีแล้ว ในที่สุดท่านไคซินก็กลับมาลงสนามอีกครั้ง! คราวนี้อาจยิ่งใหญ่ดุจร่ายรำกระบวนหงส์ ข้าพลาดไม่ได้จริงๆ!”
“เจ้าเดิมพันฝั่งท่านไคซินเท่าไหร่กัน?”
“เหอะ ข้าวางทรัพย์สินทั้งหมดที่มี! อัตราชนะสิบในสิบส่วนเช่นนี้ เจ้ายังลังเลอันใดอยู่อีก?”
“ข้าเดิมพันสามแสนผลึกปราณปีศาจ! นั้นเท่ากับแปดในสิบส่วนของทรัพย์สินที่ข้ามีทั้งหใด! ศึกคราวนี้มีหน้าโง่ที่ไม่รู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่มาท้าสู้ แตทางเบื้องบนก็ยังกล้าเปิดเดิมพันจริงๆ!”
“ใครจะไปสน! แจกเงินง่ายๆแบบนี้ทำไมจะไม่เอา!”
…
ทุกคนบนอัฒจันทร์ต่างรู้สึกตื่นตกตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ ไม่เพียงพวกเขาจะได้รับชมการต่อสู้ของราชันแห่งลานประลองเลือดอีกครั้ง แต่พวกเขายังสามารถทำกำไรจากช่องทางนี้ได้อีกด้วย ของดีแบบนี้พวกเขาไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
สำหรับเย่หยวนที่ส่งสาสน์ท้าดวลออกไป เรื่องนี้ย่อมมีคนติดตามสงสัยโดยธรรมชาติ
แต่เมื่อพวกเขาทราบระดับพลังของเย่หยวน ทั้งหมดก็ไม่เป็นอันสงสัยอีกต่อไป
แม่ทัพปีศาจชั้นกลางท้าทายราชันแห่งลานประลองเลือด?
นี่มันเรื่องบ้าอันหากมิใช่รนหาที่ตายเฉยๆ?
พื้นที่สิทธิพิเศษระดับสองของอัฒจันทร์ถูกจับจองจนเต็มแล้วเช่นกัน
บางตระกูลที่พอมีรากฐานต่างก็จับจองเฝ้าชมอยู่แถวที่นั่งด้านหลัง
บริเวณนี้ค่อนข้างเล็กก็จริง แต่ก็ไม่เบียดเสียดเท่ากับฝั่งที่นั่งคนธรรมดาที่อยู่ด้านนอก
ประมุขตระกูลใหญ่ทั้งสี่ต่างนั่งกันพร้อมหน้า
ไคหลานเป็นประมุขตระกูลไค ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเรื่องราวภายในตระกูล
แม้ว่าตระกูลไคจะอยู่ในตำหนักเจ้าเมือง แต่นี่ก็แตกต่างไปจากตำหนักเจ้าเมืองของที่อื่นๆ
หลังจากที่ไคซั่วแห่งตระกูลไคขึ้นปกครองเมืองหลวงคาโปน ก็ไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้
ตระกูลไคมีสมาชิกตระกูลและลูกหลานมากมายนับไม่ถ้วยน ซึ่งไคซินมีสถานศักดิ์สูงที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด
“ฟางหลิน ตระกูลฟางของเจ้าอุตส่าห์ได้นักปรุงโอสถปีศาจอันทรงพลังมาอยู่ข้างกายแท้ๆ แต่ใครจะไปคิดว่ามันกลับโง่โดยสมบูรณ์ขนาดนี้! ตระกูลฟางเตรียมเก็บศพขอเขาได้เลยนกระมัง?”
ฟางหลินเป็นประมุขตระกูลฟาง เมื่อได้ฟังเช่นนั้นเขาก็สวนตอบทันทีอย่างไม่พอใจนัก
“หึ! ใครแพ้ใครชนะกลับยังไม่ทราบ!”
ไคหลานระเบิดหัวเราะลั่นและกล่าวว่า
“ข้ารู้ว่าเด็กคนนี้แข็งแกร่งจนสามารถฆ่าพวกสุริยันดาราทั้งสามได้ด้วยตนเพียงลำพัง แต่ความแกร่งกล้าของไคซินเอง ใช่ว่าเจ้าจะไม่ทราบ? พวกเจ้าต่างรู้ดีว่าเขามีฝีมือน่าประทับใจเพียงใด ไม่ว่าเด็กของเจ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่ไม่รทางพลิกสวรรค์ได้!”
ฟางหลินยกมือปัดอย่างคร้านจะใส่ใจ
“ยังไม่สายเกินไปที่จะคุยโม้หลังจากไคซินชนะ!”
ไคหลานระเบิดหัวเราะลั่นเป็นคำรบสอง
“ดี! ดี! ดีมาก! เช่นนั้นหลังจากไคซินชนะและสับเจ้าเด็กนั้นเป็นเนื้อบด แล้วข้าจะมาโม้ให้ฟังใหม่ ฮ่าๆๆๆ…”
ฟางหลินส่งสายตาสาดสะท้อนเล็กน้อยอย่างเยียบเย็น และมิได้เอ่ยปากใดๆอีกต่อไป
เขาเองก็ไม่สามารถหาเหตุผลที่จะเชื่อได้เช่นกันว่า เย่หยวนจะเอาอะไรไปชนะอีกฝ่าย
ในทีแรก เมื่อเขารู้ว่าตระกูลฟางของตนได้พานพบกับนักปรุงโอสถปีศาจระดับสองที่ทรงพลังยิ่ง ฟางหลินรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับสามวันสามคืน
แต่ยังไม่ทันได้เฉลิมฉลองอันใด ทุกอย่างกลับกำลังจะจบลงเสียแล้ว
“หลี่จี ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับบรรพกาลราตรีใกล้ชิดที่สุดแล้ว เจ้าบอกได้หรือไม่ว่า เขามีโอกาสชนะมากน้อยเพียงใด?”
สีหน้าการแสดงออกของหลี่จีก็ดูเลวร้ายอย่างมาก นางส่ายหัวตอบ เพราะไม่รู้จะเอ่ยกล่าวอันใดออกมา
ในเมื่อเย่หยวนส่งสาสน์ท้าดวลให้ไคซิน แสดงว่าเขาไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าไคซินคนนี้น่ากลัวเพียงใด
ฉายา‘ราชันแห่งลานประลองเลือด’ไคซินมิใช่ได้มาง่ายๆ!
นางไม่คิดเลยว่า เย่หยวนจะออกมามาท้าทายไคซินเช่นนี้จริงๆ หากนางรู้เรื่องนี้ก่อนหน้า หลี่จีไม่มีทางยอมให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นแน่นอน
ทว่าตอนนี้ ลูกธนูที่ยิงออกไปแล้วกลับไม่สามารถเรียกคืนแก้ไขได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...