จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1502

สรุปบท ตอนที่ 1502 ดึงดูดชื่อเสียง: จอมเทพโอสถ

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1502 ดึงดูดชื่อเสียง – จอมเทพโอสถ โดย Internet

บท ตอนที่ 1502 ดึงดูดชื่อเสียง ของ จอมเทพโอสถ ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1502 ดึงดูดชื่อเสียง
ตอนที่ 1502 ดึงดูดชื่อเสียง
โดย
Ink Stone_Fantasy
แม้แต่อินทรีโลหิตยังเกิดอาหารแทบไม่อยู่ ยามนี้แทบกระโดดโหย่งไปมาด้วยความดีใจ

เขารู้สึกตื่นเต้นเสียเหลือเกิน แทนที่จะขาดทุน ทว่าการประลองเพียงครั้งนี้กลับได้กำไรกลับมาเท่ากับทำงานอย่างหนักหลายปี!

ส่วนเงินที่เสียพนันข้างเย่หยวน เพียงพัดผ่านดั่งสายลม

ลานประลองเลือดเป็นโถงที่ทำกำไรมากที่สุดในบรรดาโถงทั้งสามแห่งโถงโลหิตปรโลก กล่าวได้ว่าเป็นแหล่งทำเงินชุบทองคำอีกชั้นโต

แต่การเก็บเกี่ยวกำไรครั้งมหาศาลเช่นนี้กลับไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์!

เมื่อหักส่วนจ่ายให้ผู้เดิมพันฝั่งเย่หยวนไป และกำไรที่เหลือก็ยังมีมากกว่าหนึ่งพันล้านผลึกปราณปีศาจ!

“ฮ่าๆๆๆ ท่านประลองโถงช่างมองการณ์ไกล เก็บเกี่ยวควาวนี้ได้รับดอกผลง่ายเกินไปนัก! ข้าไม่คิดไม่ฝันจริงๆ! ไม่คิดมาก่อนเลย!! หรือใครจะไปคิดว่า แม่ทัพปีศาจชั้นกปลายจะสามารถเอาชนะราชันแห่งลานประลองเลือดได้จริงๆ?”

อินทรีโลหิตกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น

วันนี้ ลานประลองโลหิตได้รับกำไรมหาศาล เขาผู้เป็นประมุขโถงแห่งนี้ยืดหลังเหยียดไหล่ขึ้นตรงด้วยความภาคภูมิใจ

เห็นได้ชัดว่า คุนหมิงตื่นเต้นไม่เท่าอินทรีโลหิต เขาเอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมยว่า

“เฮ้อ…สุดท้ายก็ยังเป็นท่านประมุขโถงที่สายตาเฉียบคมยิ่งนัก เด็กหนุ่มคนนั้นหาใช่ตื้นเขินอย่างแน่นอน พรสวรรค์ของเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไป!”

มีไม่กี่ตระกูลดีอกดีใจ และส่วนใหญ่ต่างโศกเศร้ายิ่งกว่าอะไร!

เมื่อเทียบกับเสียงร้องดีใจของอินทรีโลหิต ด้านนอกก็เต็มไปด้วยเสียงร่ำไห้ดังกึกก้อง

“มันจบแล้ว! จบแล้วจริงๆ! ข้าต้องโง่เพียงใด? ไฉนข้าถึงลงเดิมพันด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของข้า! ตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว!”

“ผลึกปราณปีศาจของข้า! หือ หือ… โคตรบิดาตค้องบุกน้ำลุกไฟมากมายกว่าพันปี กว่าจะสะสมผลึกปราณปีศาจได้นับหลายหมื่น แต่ทุกอย่างกลับสูญสิ้นในชั่วข้ามคืน!”

“บัดซบไคซิน! มันทำให้ข้าต้องหมดตัว! อ๊ากก! อ๊ากกก! ข้าจะบ้าตาย!”

“ฮ่าๆๆๆ กำไรงาม! ได้รับกำไรก้อนโต! ข้าเดิมพันไปห้าหมื่นผลึกปราณปีศาจ ข้าได้กลับคืนพร้อมดอกผลสิบห้าเท่าทวี! สิบห้าเท่าทวีเชียว! ฮ่าๆๆๆ”

บุคคลนั้นระเบิดหัวเราะลั่นจมอยู่กับความดีใจ จนมิได้สังเกตว่าที่หลายต่อหลายคนเหลียวจับจ้องด้วยความรังเกียจ

เหล่าฝูงชนที่อยู่โดยรอบ ส่วนใหญ่เป็นนักสู้ระดับล่างสุด

ตอนนี้พวกเขาสูญเสียทรัพย์สินไปหมดไม่เหลือแล้ว ยามนี้เครียดจัดจนดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ

อย่างไรก็ตาม ก็มีบางคนที่ดีอกดีใจเช่นกัน

ฟางหลินแทบกระโดดกอดหลี่จีทันทีในเวลานี้

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ลูกสาวคนนี้จะตาถึงขนาดนี้

เย่หยวนเป็นอาคันตุกะชั้นสูงของตระกูลฟาง โดยธรรมชาติแล้วฟางหลินก็ต้องเดิมพันข้างเขาแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ฟางหลินเองก็มองเย่หยวนในแง่ไม่ดีนักสำหรับศึกคราวนี้

แต่เนื่องจากลงเรือลำเดียวกันแล้ว ฟางหลินจึงเดิมพันกับฝ่ายเย่หยวนไปจำนวนหนี่งล้านผลึกปราณปีศาจ

ทว่าใครจะไปคิดฝัน เพียงพริบตาเดียว เย่หยวนก็เสกเงินของเขาให้กลายมาเป็นสิบห้าล้านผลึกปราณปีศาจได้!

ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่เฉกเช่นตระกูลฟาง แต่มูลค่าสิบห้าล้านผลึกปราณปีศาจก็หาใช่จำนวนน้อยๆเลย

และที่สำคัญที่สุดคือ ตระกูลฟางได้หน้าไปดต็มๆ!

นามขาน บรรพกาลราตรีจะดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมืองหลวงคาโปนในค่ำคืนนี้! ตระกูลฟางจะมีมิตรสหายมากมายเข้ามาตีสนิทสร้างสัมพันธ์ไมตรีอีกมากมายนัก

“ลูกสาวสุดที่รักขอองข้า! สายตาของเจ้าช่างเฉียบคมนัก! หยิบคว้าสมบัติชิ้นนี้ให้กับตระกูลฟาง! ฮ่าๆๆๆ….”

ฟางหลินระเบิดหัวเราะลั่นด้วยความปีติดีใจ

ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีขุนนางและบุคคลระดับสูงมากมายในเมืองหลวงคาโปน ตรงเข้ามาแสดงความยินดีกับเขา

ฟางหลินผู้ซึ่งเป็นประมุขตระกูลลรู้สึกถึงความภาคภูมิใจประดับใบหน้าเสียเหลือเกิน

อย่างไรก็ตามแต่ หลี่จีกลับมิได้มองในแง่ดีเหมือนฟางหลินเท่าไหร่นัก

หลี่จีรู้สึกว่าเย่หยวนมิได้รู้สึกแบบเดียวกับนางและค่อนข้างทำตัวห่างเหิน สำหรับเรื่องนี้บางทีนางอาจคิดไปอยู่ฝ่ายเดียว และดูเพ้อฝันมากเกินไปเช่นกัน

เฮ้อ..ค่อยๆไปทีละก้าวกระมัง หลี่จีคิดในใจ

อย่างไรก็ตาม ตลอดึครึ่งปีมานี้ เย่หยวนก็ช่วยดัดฝีมือของเมิ่งฉีและคนอื่นๆ จนทำให้มาตรฐานของพวกเขาพัฒนาขึ้นอย่างมาก

ถึงขั้นที่ว่าห้าผู้อาวุโสแห่งโถงโอสถปีศาจจำต้องหลั่งน้ำตาด้วยความขอบคุณ

ในวันนี้เอง เมิ่งฉีตรงเข้ามาเยี่ยมเยียนเย่หยวนและเอ่ยกล่าวด้วยวาจาแสนสุภาพว่า

“ท่านอาจารย์บรรพกาลราตรี เมืองหลวงหลิงปิง เมืองหลวงมรกตทมิฬ และเหล่านักปรุงโอสถปีศาจจากโถงโอสถปีศาจสาขาเมืองหลวงราตรีม่วง ได้ยินคำลือเลื่องในด้านความสามารถของท่านอันสูงส่ง และสิ่งนี้ดึงดูดใจของพวกเขาเป็นอย่างมาก พวกเขาทุกคนล้วนต้องการมาฟังท่านบรรยายเช่นกัน สงสัยว่าท่านอาจารย์มีความคิดเห็นอย่างไร?”

เย่หยวนหรี่ตาลงเล็กน้อยและกล่าวตอบไปว่า

“พวกเจ้าเห็นการบรรยายของข้าเป็นงานการกุศลกระมัง? จะเรียกใครมาฟังก็ได้?”

เมิ่งฉีใจหายวูบเมื่อได้ฟังและรีบกล่าวตอบไปทันทีว่า

“คำกล่าวของท่านอาจารย์หนักเกินไปแล้ว ทุกคนต่างเห็นการบรรยายของท่านมีค่าดั่งอัญมณี แล้วจะใช่งานการกุศลได้อย่างไร?”

เย่หยวนเอ่ยกล่าวเสียงเรียบตอบว่า

“เหตุผลที่ข้ายังอยู่ที่นี่เป็นเพราะข้าติดหนี้บุญคุณของโถงโลหิตปรโลก สำหรับโถงโลหิตปรโลกสาขาเมืองหลวงอื่น ข้ามิเคยรู้จักคุ้ยเคยกับพวกเขา และข้าไม่อยากรู้จักเช่นกัน ให้พวกเขากลับไป!”

เมิ่งฉีแสดงสีหน้าท่าทางค่อนข้างอึดอัด ก่อนจะถอนตัวออกไปอย่างไร้ประโยชน์

หลังจากที่เมิ่งฉีออกไป เย่หยวนก็พลันกรนเสียงเย็นสะท้านขึ้น

พวกเขาคิดจะเข้าฟังการบรรยายโดยไม่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนใดๆเลยงั้นรึ? นี่ฝันหวานเกินไปแล้ว

สำหรับคนที่ต้องการเข้ามาฟังการบรรยายของเขา เย่หยวนย่อมจุกจิกคิดอะไรมากอยู่แล้ว

แต่พวกเขาจำต้องแลกเปลี่ยนด้วยราคาที่เท่าเทียม!

ในช่วงครึ่งปีมานี้ แม้ว่าเย่หยวนจะต้องยืมห้องของโถงโอสถปีศาจ แต่ด้วยอุปกรณ์สนับสนุนเหล่านี้ก็ทำให้ฝีมือหลอมกลั่นของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แต่สิ่งที่ได้โถงโอสถปีศาจได้รับจากเขาไป มันเกินกว่าที่พวกเขาจ่ายไปมา

โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใด เพียงผู้อาวุโสทั้งห้าเริ่มส่งสัญญาณใกล้จะเลื่อนชั้นกลายเป็นนักปรุงโอสถปีศาจระดับสามภายใต้คำแนะนำของเย่หยวน แค่นี้ก็กำไรยิ่งกว่ากำไรแล้ว

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ