“เจ้าหนู ท่านปู่ฟานไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าในวันนี้ พี่ชายของข้ากำลังจะตาย! วันอื่นค่อยสั่งสอนเสียแล้วกัน!”
หัวหน้าสามเอ่ยปากกล่าวกับเย่หยวนประโยคหนึ่ง และเตรียมวิ่งเข้าไปด้านในทันที
เย่หยวนพลันแปลกใจมิน้อย ดูเหมือนว่ากลุ่มล่ามังกรเพิ่งผ่านศึกใหญ่มา ไม่น่าแปลกที่ไฉนหัวหน้าสามดูบาดเจ็บสาหัสปานนี้
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันทีทันใดเอ่ยกล่าวเสนอขึ้นว่า
“นี่ ไฉนไม่ให้ข้าเข้าไปดูอาการเสียหน่อย? เอ่อ…ข้าเองก็เป็นนักหลอมโอสถ ฝีมือค่อนข้างน่าประทับใจ”
เย่หยวนกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อเขา ดังนั้นจึงเป่าแตร่อวดอ้างไปก่อนสักประโยค
หัวหน้าสามชะงักค้างไปครู่หนึ่งและกล่าวเจือน้ำเสียงหงุดหงิดว่า
“เจ้าหนู ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า! จะไปไหนก็ไปเถอะ!”
เย่หยวนยิ้มกล่าวหาได้สนใจวาจาอีกฝ่ายไม่
“สุดท้ายเขาก็ต้องตายอยู่ดีไม่ว่าจะพยายามอย่างไร แต่ยามนี้มีข้าอยู่ย่อมช่วยเหลือชีวิตได้แน่นอน แต่กลับเป็นเจ้าที่ปิดโอกาสนั้นเสียเอง หัวหน้าสองคงโกรธด่าสาปแช่งท่านไปจนกระทั่งตายแน่นอน”
หัวหน้าสามอดสำลักมิได้เมื่อได้ยินแบบนั้น ยามนี้ไม่มีเวลาคิดไปมากกว่านี้แล้ว จึงเอ่ยขู่ไปว่า
“เจ้าหนู ข้าเตือนเจ้าแล้ว พี่ใหญ่เองก็อยู่ข้าในนั้นด้วย เขาเป็นถึงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น หากคิดเล่นตุกติก ข้ารับรองได้เลย เจ้าตายไม่เหลือชิ้นดีเป็นแน่!”
เย่หยวนยิ้มและเดินติดตามทั้งสองเข้าไป
บนเตียงปรากฏชายร่างกำยำกำลังนอนหายใจรวยริน เห็นได้ชัดว่าเขาเตรียมนับถอยหลังสู่ความตายในไม่ช้า
“ท่านปรมาจารย์อู๋เฟิน หรือเป็นไปได้ไหมว่าจะไม่มีทางช่วยเหลือจริงๆ น้องสอง…เขาสละชีวิตพุ่งเข้ามาขวางลูกธนูดอกนี้ แท้ที่จริงแล้วคนที่ตาย…ควรเป็นข้าเสียมากกว่า! ท่านปรมาจารย์อู๋เฟิน ตราบใดที่ท่านช่วยเหลือชีวิตเขาได้ ข้ายอมทุกอย่าง!”
ชายวัยกลางคนดวงตาแดงก่ำ กำลังร้องขอความช่วยเหลือจากชายยราตรงหน้า
ชายวัยกลางคนผู้นี้คือประมุขกลุ่มล่ามังกร ผู้ครอบครองขุมพลังอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น
ปรมาจารย์อู๋เฟินส่ายหัวอานกล่าวว่า
“ทุกคนต่างตระหนักได้ถึงศรดับอัสนีเป็นอย่างดี เส้นลมปราณที่เชื่อมสู่หัวใจของหัวหน้าสองถูกตัดขาด นอกจากนี้ยังมีพิษผลาญกระดูกเพลิงเคลือบติดไว้อยู่ที่หัวศร เราชายชราพยายามอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ ท่านประมุขโปรดระงับความเศร้าโศกลงเถิด นี่เป็นชะตากรรมที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว”
เย่หยวนจับจ้องภาพฉากนี้พลางอดประหลาดใจมิได้
ภาพฉากนี้ดูท่าจะหาใช่ของปลอม แต่นั่นเป็นความรู้สึกที่แท้จริง มันกลั่นออกมาจากใจของพวกเขา นี่ทำให้เย่หยวนรู้สึกประทับใจกลุ่มล่ามังกรไม่น้อย
“ไฉน…ไม่ให้ข้าลองดูหน่อยล่ะ?”
เย่หยวนเหลือบมองไปที่หัวหน้าสองที่นอนอยู่บนเตียง พลางเอ่ยกล่าวขึ้น
ขณะเดียวกัน ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เย่หยวนจนเป็นตาเดียว
“เขาคือใคร?”
สายตาของประมุขหรี่แคบแปรเปลี่ยนเป็นความตั้งใจขึ้นทันที
สีหน้าของหัวหน้าสามบิดเบี้ยวค่อนข้างน่าเกลียดยิ่ง ขณะกล่าวว่า
“พี่ใหญ่เขาเป็น…เด็กคนนั้นที่ต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนชื่อกลุ่ม”
สีหน้าของประมุขมืดทมิฬลงทันที ก่อนคำรามเสียงต่ำขึ้นลั่น
“ล้อเล่นแล้ว!”
ตอนนี้ทุกคนในเรือนพักต่างเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อยยิ่ง แต่นี่ไม่เพียงปล่อยให้ศัตรูย่างเท้าเข้ามา ทว่า…ยังจะปล่อยให้เขาช่วยรักษา นี่ไม่น่าขันเกินไปหน่อยรึ?
ประมุขโกรธจัดแล้วในเวลานี้ เขายกฝ่ามือขึ้นพร้อมซัดเข้าใส่เย่หยวนทันที
พลังทำลายล้างจากฝ่ามือยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น ช่างทรงพลานุภาพน่าทึ่งยิ่ง
เขาหาที่ระบายความขมขื่นใจนี้ได้ยายแล้ว ยามนี้มีเย่หยวนโผล่มา เขาต้องการระบายอารมณ์ทั้งหมดลงใส่เย่หยวน
แต่เย่หยวนยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆเสมือนภูผา เขาเอ่ยปากขึ้นอย่างเฉยเมยว่า
“หากฆ่าข้าแล้ว เขาต้องตายจริงๆแน่นอน”
สายลมกระโชกพลันชะงักหยุดกะทันหัน ฝ่ามือของประมุขแข็งค้างฉับพลัน พร้อมก่นเสียงเอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า
“เจ้าสามารถช่วยเขาได้จริงๆรึ?”
เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า
“แน่นอนว่าช่วยได้ แต่นี่มีเงื่อนไขเช่นกัน”
สีหน้าการแสดงออกของประมุขแปรเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเผยสีหน้าแปลกๆออกมาโดยมิตั้งใจ
ชื่อกลุ่มที่ใช้กันมาหลายพันปี ยามนี้กลับต้องเปลี่ยนจริงๆน่ะรึ?
ประมุขสีหน้ามืดทมิฬลงกล่าวว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...