จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1547

จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1547 สรุป
ตอนที่ 1547 สรุป
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ทุกคนรออยู่ที่นี่ ข้าจะเข้าไปหลอมกลั่นโอสถ!”

เย่หยวนยกมือไขว้หลังและเอ่ยกล่าวออกมาอย่างใจเย็น

สีหน้าการแสดงออกของทุกคนเปลี่ยนไปทันที และอดเหลียวมองเย่หยวนด้วยความประหลาดใจมิได้

หรือเป็นไปได้ไหมว่าเขามีวิธีรักษาหวางเชียนจริงๆ?

เป็นไปไม่ได้ เจ้าเด็กนี่กำลังสร้างภาพเป็นแน่!

แต่ถึงอย่างไร เมื่อครู่เห็นเฉินเปาถูกตบฝ่ามือเดียวตายคาที่ ยามนี้กลับไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อนใดๆอีกต่อไป

เย่หยวนเหลือบมองหนิงฟางหรงคล้ายมีนัยยะแฝง ก่อนจะหันกลับไปและตรงเข้าโถงภายในทันที

หนิงฟางหรงคล้อยตื่นตระหนกเล็กน้อยอยู่ภายในใจ หรือเป็นไปได้ไหมว่า เด็กกคนนี้จะมองออกว่าเขาเป็นคนลงมือเมื่อครู่?

เขาไม่น่าจะรู้จริงหรือไม่?

ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบว่าเขาคือคนลงมือซัดฝ่ามือใส่เฉินเปา รวมไปถึงเด็กคนนี้ด้วยกระมัง?

อย่างไรก็ตามแต่ เด็กคนนี้กลับลึกลับน่าประทับใจมากจริงๆ กำปั้นก่อนหน้าที่สำแดงใช้คงเป็นแนวคิดแห่งห้วงมิติกระมัง?

ไม่เพียงศาสตร์แห่งโอสถเท่านั้นที่ท้าทายสวรรค์ แม้แต่ศาสตร์แห่งดารต่อสู้ของเขาเองก็น่ากลัวอย่างยิ่งเช่นกัน

นับเป็นคนประหลาดโดยแท้!

หนิงซื่ออวี๋ยังต้องการติดตามเย่หยวนเข้าไป แต่สุดท้ายกลับถูกอีกฝ่ายกล่าวปัดปฏิเสธออกมา

การหลอมกลั่นครั้งนี้เย่หยวนจำต้องใช้หม้อหลอมมณีเหลืองพิสุทธิ์ ดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยให้หนิงซื่ออวี๋เข้ามาดูอยู่ข้างกายได้

“เหอะ! เป็นเช่นนี้อยู่เรื่อย!”

หนิงซื่ออวี๋กระทืบเท้าเล็กน้อยด้วยความหงุดหงิด

รังใหญ่ของกลุ่มสุริยันจันทรา ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวแช่มออกมาจากห้องลับ

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนผู้นี้ สีหน้าเห่อเซียวพลันเผยถึงความอิ่มเอมใจออกมาทันที

“ขอแสดงความยินดีด้วยพี่ใหญ่ ในที่สุดก็ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้!”

เห่อเซียวกล่าวขึ้นพร้อมความสุขทั่วทั้งใบหน้า

ชายวัยกลางคนผู้นี้คือเสี่ยวยื่อเยว่ ประมุขกลุ่มสุริยันจันทรา

เขาปลีกวิเวกเข้าเก็บตัวมาเป็นเวลานับสิบปี และในที่สุดก็พ้นจากพันธนาการนี้ได้ และทะลวงขึ้นกลายมาเป็นยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าที่ผู้คนช่างแห่สรรเสริญชื่นชมได้ในที่สุด

นี่นับเป็นพัฒนาการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ อาจกล่าวได้ว่า เขากำลังทะยานขั้นสู่สวรรค์ได้ในชั่วอึดใจ

ต่อหน้ายอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้า เซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าทั้งหมดกลับไม่ต่างจากมดปลวก

ทั้งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และรัศมีความแกร่งกล้าของเสี่ยวยื่อเยว่ยามนี้ เหนือชั้นกว่าเมื่อก่อนลิบลับ

“หุหุ น้องสอง หลายปีที่ผ่านมาเจ้าคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย”

เสี่ยวยื่อเยว่กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ

เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเสี่ยวยื่อเยว่ เห่อเซียวพลันรู้สึกกดดันอย่างยิ่งยวด

เขาตระหนักดีว่า พี่ใหญ่ยามนี้หาใช่พี่ใหญ่คนเดิมที่เคยรู้จักอีกต่อไป!

“พี่ใหญ่กล่าวอันใดเช่นนั้น? นี่คือสิ่งที่ข้าสมควรทำแล้วมิใช่รึ?”

เห่อเซียวรีบเอ่ยตอบ

เซียวยื่อเยว่เค้นเสียงหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขึ้นพร้อมความรู้สึกแสนตื่นเต้นขึ้นว่า

“น้องสอง ข้ารู้ดีว่าในช่วงหลายปีมานี้หาใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการโดยลำพังเลย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขตเมืองทางตอนใต้จะถูกพวกเรากลุ่มสุริยันจันทราเป็นคนผูกขาดทั้งหมด! อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็สามารถยืนทัดเทียมได้กับสามตระกูลใหญ่แล้ว! ในอนาคตต่อไป ข้าต้องฝากกลุ่มสุริยันจันทราไว้กับเจ้า!”

เห่อเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นยิ่งรู้สึกอิ่มเอมใจยิ่งกว่าสิ่งใด แต่เขามิกล้าแสดงความตื่นเต้นอันใดผ่านสีหน้า ขณะกล่าวขึ้นอย่างสุภาพว่า

“พี่ใหญ่กล่าวเกินไปแล้ว สำหรับข้า ท่านคือประมุขกลุ่มสุริยันจันทราตลอดไป ข้าเพียงช่วยเหลือพี่ใหญ่จัดการควบคุมเล็กน้อยเท่านั้น”

เสี่ยวยื่อเยว่หันมองเห่อเซียวด้วยสีหน้าพึงพอใจยิ่งต่อทัศนคติของอีกฝ่าย เขาเอ่ยปากกล่าวพลางหัวเราะลั่นว่า

“ฮ่าๆ พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันมากี่ปี? ยังมีความสุภาพอันใดระหว่างเรา?”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ หลัวอวี้ก็เข้ามาเยี่ยมเยียนเช่นกัน

เสี่ยวยื่อเยว่ยิ้มกล่าวว่า

“จัดการฮุบกลุ่มขนนกสีเงินก่อนเลยอันดับแรก”

เห่อเซียวคลี่ยิ้มเล็กน้อยและเดินตามหลังไป

เมื่อหลัวอวี้เห็นเสี่ยวยื่อเยว่ต่อหน้าต่อตา ความตื่นตกใจที่ก่อเกิดเกินพรรณนาความคิด ปรากฏว่าเสี่ยวยื่อเยว่สามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้จริงๆ!

พวกเขาซึ่งเป็นเพียงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าครึ่งขั้น แม้จะพยายามเก็บตัวบ่มเพาะพลังนานเพียง แต่ความรู้สึกที่ใกล้จะเลื่อนระดับกลับไม่มาปรากฏให้เห็นแม้แต่ร่องรอยด้วยซ้ำ

การจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าเต็มขั้นกลับยากเกินแสนเข็ญเกินไป!

หลัวอวี้ไม่คิดไม่ฝันสักนิด เสี่ยวยื่อเยว่จะสามารถทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรราชันพระเจ้าได้จริงๆในชั่วอึดใจเดียว!

ต่อแต่นี้เป็นต้นไป ขั้วอำนาจภายในเขตเมืองทางตอนใต้จะเปลี่ยนไปตลอดกาล!

“ประมุขหลัวดูท่าจะประหลาดใจนัก?”

เสี่ยวยื่อเยว่เหลือบมองหลัวอวี้พลางเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม

สีหน้าการแสดงออกของหลัวอวี้บิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่ง เขาเอ่ยตอบอย่างแช่มช้าว่า

“แน่นอน ข้าประหลาดใจมากจริงๆ! ไม่คิดไม่ฝันมาก่อน พวกเราต่อสู้กันมาแสนนาน ทว่าปัจจุบันกลับปรากฏผลลัพธ์เช่นนี้จริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ