ด้วยความแข็งแกร่งของซวนอี้ จึงไม่จำต้องใช้เวลามากมายนัก
คล้อยหลังสองชั่วยามกว่า โอสถดาราจันทร์เงินก็เสร็จสิ้น
เซียวเฟิงเอ่ยกล่าวเชยชมออกมา
“ท่านปรมาจารย์ซวนอี้สมควรแล้วกับตำแหน่งผู้อาวุโสรองแห่งหอโอสถ ฝ่ามือเคลื่อนจักรวาลช่างน่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง! โอสถดาราจันทร์เงินที่ได้อย่างต่ำคงเป็นขั้นยอดเยี่ยมกระมัง?”
ซวนอี้หัวเราะเบาๆกล่าวว่า
“เราชายชราไร้ความสามารถ ปรมาจารย์เย่คิดเห็นอย่างไร?”
เย่หยวนเอ่ยตอบเสียงเรียบว่า
“ข้าเองก็เดาไม่ออกเช่นกัน บางทีอาจยังศึกษารายละเอียดโอสถชนิดนี้ไม่ถี่ถ้วนพอ แต่ควรจะได้ขั้นเทวะกระมัง”
เซียวเฟิงขั้นกับหนังหน้ากระตุกไม่หยุดหย่อน คนที่หาญกล้าประเมินปรมาจารย์ซวนอี้แบบนี้คงมีเพียงเย่หยวนคนเดียว?
แต่หนิงซื่ออวี๋คลี่ยิ้มเจือหยอกล้อ นางกล่าวว่า
“อาจารย์ ท่านถูกอีกฝ่ายประเมินซะไม่เห็นค่าเชียว! ตามที่เขากล่าวมา เห็นได้ชัดว่าถึงได้ขั้นเทวะแล้วแต่นี่ยังมิใช่ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ใช่หรือไม่ปรมาจารย์เย่?”
ซวนอี้ดวงตาเปล่งประกายขึ้นทันใด เขากล่าวถามด้วยความสนใจว่า
“โอ้? ปรมาจารย์เย่มีสิ่งใดต้องการชี้แนะหรือไม่?”
มุมปากเย่หยวนกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มอธิบายให้ทั้งสามฟัง
ซวนอี้เป็นปรมาจารย์ด้านหลอมกลั่นโอสถ เขายังพอเข้าใจอะไรอยู่บ้าง แต่เย่หยวนไม่คิดมากก่อนเลยว่า หญิงสาวนางนี้จะมีไหวพริบช่างสังเกต ถึงได้รู้ทันเขาแบบนี้
หยิงซื่ออวี๋เองก็ไม่คิดซ่อนเช่นกัน นางจึงเอ่ยกล่าวออกมาตรงๆ
การจะเข้าถึงขอบเขตความเข้าใจของเย่หยวนต่อศาสตร์แห่งโอสถ มันหาใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบเคียงได้
แม้แต่เซียวเฟิงในตอนนี้เองยังเปรียบเสมือนเด็กน้อยที่อยู่ต่อหน้าเขา
ทว่าอย่างไร ที่เย่หยวนไม่คิดที่จะกล่าวออกมาในทีแรก เป็นเพราะมันหาใช่สิ่งที่เขาเข้าใจได้โดยสมบูรณ์
เขาเข้าถึงเพียงเศษเสี้ยวของเต๋าแห่งโอสถเท่านั้น หากใช่ทั้งหมด!
แต่ด้วยประสบการณ์ของซวนอี้เอง ก็ทำให้เขาสามารถแยกแยะได้โดยธรรมชาติว่าสิ่งที่เย่หยวนกล่าวไปถูกต้องหรือไม่
ซวนอี้มั่นใจอย่างยิ่งว่า หากหลอมกลั่นตามคำแนะนำของเย่หยวน คุณภาพโอสถที่ได้คงมีประสิทธิภาพสูงสุดแน่นอน!
แม้จะเป็นขั้นเทวะแล้วก็จริง แต่ในบรรดาระดับขั้นนี้ยังมีความแตกต่างอยู่บ้าง ซึ่งความแตกต่างนี้ระยะเพียงเล็กน้อยมันเท่ากับฟ้าดิน!
มิฉะนั้นแล้วขอบเขตแห่งเต๋าจะบรรลุได้ยากเกินจินตนาการได้อย่างไร?
โอสถดาราจันทร์เงินเป็นหนึ่งในโอสถที่เขาหลอมกลั่นได้สมบูรณ์แบบที่สุด แต่กลับไม่คิดเลยว่าในความสมบูรณ์นั้นกลับยังมีจุดเล็กจุดน้อยที่เขาพลาดไป
“สมแล้วที่ปรมาจารย์เย่บรรลุขอบเขตแห่งเต๋า! ถึงสามารถรับรู้ได้ถึงความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเช่นนี้! เราชายชราต้องขอขอบพระคุณยิ่งที่ปรมาจารย์เย่ชี้แนะ!”
ซวนอี้กล่าวน้ำเสียงสุภาพ
เย่หยวนที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับขมวดคิ้วแน่น เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจขึ้นว่า
“ขอบเขตแห่งเต๋า?”
ซวนอี้ฉงนใจไม่ต่างเมื่อเห็นอีกฝ่ายมึนงง
“หรือเป็นไปได้ไหมว่า เจ้าจะไม่ทราบขอบเขตความเข้าใจของตน?”
เย่หยวนคลี่ยิ้มแสนขมขื่นใจ กล่าวว่า
“ข้าบรรลุได้โดยบังเอิญ แม้แต่ขอบเขตความเข้าใจข้าอยู่ระดับชั้นใดยังไม่ทราบจริงๆ ท่านอาวุโสโปรดอธิบายด้วยเถิด”
ซวนอี้อดประหลาดใจมิได้เมื่อได้ยิน สำลักน้ำลายพูดไม่ออกสักครู่หนึ่ง อีกฝ่ายไม่รู้ด้วยซ้ำถึงขอบเขตความเข้าใจของตน ทว่ากลับบรรลุมันได้?
แต่เมื่อพินิจให้ถี่ถ้วนแล้ว เรื่องนี้ก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลเช่นกัน ลืมไปได้เลยสำหรับเย่หยวนที่อยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าชั้นต้น แม้แต่เหล่าศิษย์ของพวกเขาที่อยู่ชั้นปลายยังไม่รู้เลยว่าขอบเขตแห่งเต๋าคือสิ่งใดกัน?
ซวนอี้ก็อธิบายกล่าวให้ฟังอย่างตรงไปตรงมาไม่คิดปกปิดเช่นกัน
หลังจากที่เย่หยวนฟังจนจบ ในท้ายที่สุดเขาก็เข้าใจถึงขอบเขตความเข้าใจในปัจจุบันของตน
ดูเหมือนว่าเมื่อเขาฝึกปรือศาสตร์แห่งโอสถด้วยวรยุทธหลอมกลั่นชนิดใหม่ที่คิดค้นขึ้น มันก็ช่วยผลักดันให้เขาสำเร็จถึงขอบเขตแห่งเต๋าได้แล้ว
จากประสบการณ์ของเขาบนมหาพิภพถงเทียน ในที่สุดเขาก็สามารถสำเร็จขอบเขตนี้ได้ในขณะที่อาศัยอยู่ในดินแดนของเผ่าปีศาจล
เย่หยวนประสานมือกล่าวขอบคุณว่า
“ขอบคุณท่านอาวุโสที่ช่วยแถลงไข ยามนี้ถึงเวลาข้าหลอมกลั่นโอสถดาราจันทร์เงินบ้างแล้ว โปรดอย่าหัวเราะวิธีหลอมกลั่นอันต่ำต้อยของข้า”
แต่ทันใดนั้นซวนอี้ก็กล่าวว่า
“ปรมาจารย์เย่โปรดรอสักครู่”
เย่หยวนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ท่านมีอะไรงั้นรึ?”
จากนั้นเจ้าของร้านก็เข้ามารายงานว่า มีชายหนุ่มสี่คนมายืนรออยู่ด้านนอกร้านอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อนำทั้งสี่เข้ามา หนิงซื่ออวี๋ถึงกับสะดุ้งเฮือกอุทานลั่นว่า
“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่สอง ศิษย์พี่สาม ศิษย์พี่สี่ ไฉนพวกท่านถึงมาที่นี่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...