“ท่านผู้ตรวจการ เฉียวอันชานนั้นแค่พูดจาหน้าไม่อาย! เกาหยุนนั้นวางแผนทำร้ายสังหารคนเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ของข้าไว้มากมายในมิติวิเศษนั้น มันสมควรแล้วที่จะถูกสังหารลง!”
…
เมื่อชายคนนี้มาถึงทั้งเฉียวอันชานทั้งโซชูเจียต่างก็เริ่มสงครามน้ำลายกันทันที
ต่างฝ่ายต่างเชื่อว่าตนนั้นถูก และต่างก็มีข้ออ้างมาใช้
แต่เรื่องเช่นนี้มันจะมาแยกว่าเรื่องใดจริงหรือปลอมก็คงยาก
เมื่อชายชุดครามคนนั้นได้ยินคำว่า ‘เขาหน่วงเทพบรรพกาล’ เขาก็ขมวดคิ้วทันทีด้วยท่าทางที่ตื่นตกใจไม่น้อย
“พอ!”
เมื่อชายวัยกลางคนในชุดครามได้เห็นท่าว่าทั้งสองคงไม่หยุดกันง่ายๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมา
แน่นอนว่าทั้งสองหุบปากเงียบลงทันที
ชายชุดครามกล่าวต่อ “ข้าไม่นึกเลยว่าเขตบ้านนอกอย่างสิบเมืองสันเขาใต้จะให้กำเนิดสมบัติอย่างเขาหน่วงเทพบรรพกาลมาได้ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเจ้าถึงได้กล้าคิดเปิดใช้ตราดาบทองคำกัน! ไหนๆ ตอนนี้ตราดาบทองคำมันก็ถูกเปิดใช้แล้ว เรื่องที่เหลือก็ว่ากันตามกฎ ผู้ชนะย่อมมีสิทธิครองเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป!”
ชายคนนี้มองและเข้าใจมันได้อย่างชัดเจน เรื่องราวการถกเถียงแบบนี้ ปล่อยให้เถียงกันไปเป็นหมื่นปีก็คงยังไม่จบ
ต้นปัญหาคือเขาหน่วงเทพบรรพกาล ที่เฉียวอันชานเปิดใช้ตราดาบทองคำครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาแย่งชิงเขาหน่วงเทพบรรพกาลไปอย่างแน่นอน
ตอนนี้ทำสงครามน้ำลายไปมันก็ไม่ได้ประโยชน์ใด เหลือแค่ให้แสดงพลังฝีมือที่แท้จริงออกมาเท่านั้น
เป็นตอนนั้นที่จู่ๆ เฉียวอันชานก็พูดขึ้นมา “ท่านผู้ตรวจการ เรานั้นไม่ได้เปิดใช้ตราดาบทองคำเพียงเพื่อเขาหน่วงเทพบรรพกาลเท่านั้น เรายังตามล่าคนผู้หนึ่งด้วย!”
ผู้ตรวจการทำหน้าตื่นตกใจเล็กน้อยก่อนถาม “โอ? ผู้ใดเล่า?”
เฉียวอันชานบอก “เขามีนามว่าเย่หยวน คนร้ายที่ฆ่าสังหารผู้อาวุโสใหญ่เกาหยุน! หากเราชนะพันธะดาบทองคำครั้งนี้เราอยากให้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ส่งมอบตัวเด็กคนนั้นมา!”
ผู้ตรวจการหยักหน้าเมื่อได้ยิน “หากเจ้าชนะ ทุกอย่างล้วนย่อมเป็นไปตามที่เจ้าว่ามา”
ในสายตาของผู้ตรวจการแล้วเขานั้นสนใจแค่ยอดฝีมืออาณาจักรนภาสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้น ความเป็นอยู่ของราชันพระเจ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะสนใจแม้แต่น้อยเลย
หากต้องเสียเขาหน่วงเทพบรรพกาลไป เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ยังจะมาสนใจคนแค่คนเดียวอีก?
แต่โซชูเจียกลับมีสีหน้าที่โกรธแค้น “เฉียวอันชานเจ้ามันช่างหน้าไม่อายจริงๆ”
เฉียวอันชานหัวเราะ “แล้วเย่หยวนอยู่ที่ไหนแล้ว? ต่อหน้าท่านผู้ตรวจการเจ้าคงไม่ได้คิดจะซ่อนมันไว้ใช่ไหม? หรือว่าจริงๆ เจ้าเด็กคนนั้นมันจะกลัวข้าจนหัวหดไม่กล้าออกมาแล้ว?”
“ใช่เลย เจ้ามันหน้าตาทุเรศเกินไป ทำให้ผู้อาวุโสคนนี้กลัวเจ้าจนไม่กล้าออกมาแล้ว”
ตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะปรากฏร่างของเย่หยวนเดินบนอากาศมาถึง
คำพูดนั้นของเย่หยวนมันทำให้คนรอบข้างต่างหัวเราะลั่น
เฉียวอันชานนั้นเตี้ยและมีใบหน้าที่ไม่สวยงามนัก เรียกว่าทุเรศจนน่ากลัวเลยก็คงไม่ผิด
เฉียวอันชานนั้นตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้นทันทีที่ได้ยิน “เด็กน้อยเจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
เย่หยวนนั้นยังคงรักษาใบหน้าแสนเฉื่อยชาไว้ “พันธะดาบทองคำยังไม่ทันเริ่มเจ้าก็จะมาอวดอ้างแสดงพลังอำนาจแล้ว? นี่เจ้าไม่มีความเคารพต่อท่านผู้ตรวจการเลยหรือ?”
เฉียวอันชานเปลี่ยนสีหน้าไปทันทีและไม่กล้าที่จะลงมือ
เย่หยวนหันไปคำนับให้กับผู้ตรวจการและคารวะ “เย่หยวนแห่งเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ขอคารวะท่านผู้ตรวจการ”
ในดวงตาคู่นั้นของผู้ตรวจการมีแววตาแห่งความสงสัยปนอยู่ไม่น้อย เพราะเขาได้รับรู้ว่าแม้ด้วยพลังของเขา เขากลับไม่สามารถมองหยั่งพลังของเด็กน้อยคนนี้ได้มากมายนัก!
เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา!
แค่มองครั้งเดียวผู้ตรวจการนั้นก็แยกเย่หยวนออกได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...