เย่หยวนนั้นมีท่าทางสิ้นหวังมาก เขาไม่อยากเชื่อว่าสุดท้ายผลมันก็จะออกมาเป็นเช่นนี้
“ท่านเจ้าศาลา หรือว่ามัน…จะไม่มีทางอื่นใดแล้ว?” เย่หยวนถามอย่างกังวล
ชายแก่ยื่นถ้วยน้ำชาให้มาอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม “ค่อยๆ ดื่ม อย่าได้รีบร้อนไป”
เย่หยวนหรี่ตาลงทันที ตอนนี้เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองอารมณ์ร้อนจนเกินไปหน่อย
“ขอบพระคุณท่านเจ้าศาลา!”
เขารับชามาและค่อยๆ ดื่มมันลงไป ความขมอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วช่องปากของเขาในทันที
แต่ไม่นานนักความหวานอ่อนๆ ก็เริ่มปรากฏออกมาท่ามกลางความขมนั้น และพุ่งไหลลงไปในช่องท้อง ก่อนจะค่อยๆ ไหลออกไปตามแขนขาและกระดูกของเขา
ตอนนี้เหมือนว่าปราณเทวะของเขาจะเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
เย่หยวนเบิกตากว้างทันที “ชาดี! ยอดชา! ข้าน้อยนั้นรีบร้อนเกินไปจนไม่ได้สังเกต ขอท่านผู้อาวุโสโปรดอภัย!”
เพราะอึกแรกที่เขาดื่มลงไปนั้น เย่หยวนไม่สามารถจะรับรสชาติสุดเลิศล้ำของยอดชานี้ได้เลย
เมื่อตอนนี้เริ่มใจเย็นลง เขาก็สามารถสัมผัสถึงความเยี่ยมยอดของชานี้ได้ทันที
ดวงตาของชายแก่เปี่ยมไปด้วยความดีใจ เขาคิดในใจว่าสมแล้วจริงๆ ที่เป็นถึงผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิ สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้เย็นลงได้อย่างง่ายดาย
ชายแก่ยิ้มออกมา “ชานี้มีนามว่าชาน้ำค้างจักจั่นเปล่า แค่ถ้วยเดียวมันก็พอเทียบกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่คุณภาพสูงได้แล้ว แต่เจ้ากลับดื่มไปถึงสองถ้วย! หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงต้องเข้าเก็บตัวบ่มเพาะหลอมมันไปแล้ว แต่เจ้ากลับไม่แสดงท่าทางใดๆ ออกมาเลย สมเป็นผู้มีรัศมีผ่าจักรพรรดิจริงๆ!”
เย่หยวนนั้นตื่นตกใจไม่น้อยเช่นกัน เพราะเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชานี้จะเป็นของล้ำค่าแบบนั้น
เพราะสำหรับนักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าสองดาวนั้นการดื่มกินโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ลงไปมันก็ต้องใช้เวลาในการดูดซึมซับมันหลายวันทีเดียว
หากดื่มไปถึงสองถ้วย เส้นชีพจรทั่วร่างของพวกเขาคงปูดปวมจนทนทานไม่ไหว มันต้องมีความรู้สึกอึดอัดเกิดขึ้นในร่างกายบ้าง
แต่เย่หยวนที่ดื่มไปถึงสองถ้วยนี้กลับดูท่าทางสบายดี ไม่แปลกที่เจ้าศาลามายาล้ำจะประหลาดใจ
เพราะเขาไม่ได้รู้เลยว่าจริงๆ แล้วเย่หยวนกินโอสถศักดิ์สิทธิ์เหมือนเป็นขนมกินเล่น แค่พวกมันไม่กี่เม็ดไม่มีทางช่วยอะไรเย่หยวนได้มากมายนัก
เพราะเย่หยวนต้องใช้โอสถศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้กี่เม็ดต่อกี่เม็ดกว่าจะขึ้นระดับมาได้สักดาว ตอนนี้ร่างกายของเขามันเหมือนเป็นหลุมที่ไร้ก้นดีๆ นี่เอง
อย่าว่าแต่ชาวิญญาณสองถ้วยใดๆ ต่อให้ดื่มเป็นสิบเขาก็คงไม่รู้สึกใดๆ แน่
แม้ชาทั้งสองจะเข้าท้องเขาไป เย่หยวนก็ไม่ได้รู้สึกว่าปราณเทวะโลกาหลของเขาจะพัฒนาขึ้นไปมากมายใดๆ
เย่หยวนกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “กลายเป็นว่านี่คือชาน้ำค้างจักจั่นเปล่า ไม่แปลกใจเลย! ไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อย! มันแค่…น่าเสียดายไปหน่อย!”
ชายแก่จึงถามขึ้นอย่างสงสัย “โอ้? น่าเสียดาย?”
เพราะเจ้าชาน้ำค้างจักจั่นเปล่านี้เขาปลูกดูแลมันมาอย่างดี เขาต้องทุ่มแรงกายแรงใจไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
ได้ยินคำของเย่หยวน เขาจึงเข้าใจทันทีว่ามันยังขาดอะไรไป!
เย่หยวนบอก “ชาน้ำค้างจักจั่นเปล่านั้นคือชาวิญญาณระดับห้า แต่ท่านเจ้าศาลากลับมาต้มได้แค่ระดับสี่ มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ?”
ชายแก่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ชาน้ำค้างจักจั่นเปล่ามันเป็นสิ่งที่บอบบางและหลอมได้ยากเย็น แค่ทำให้มันมาถึงยอดของระดับสี่ก็นับว่ายากมากแล้ว เฒ่าคนนี้ต้องใช้จ่ายไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่กว่าจะได้มาแค่นี้”
เย่หยวนยิ้ม “นั่นเพราะวิธีที่ท่านหลอมมันผิดยังไงล่ะ! ชาน้ำค้างจักจั่นเปล่านั้นยากเย็นที่สุดก็คือการทำให้มันคงพลังวิญญาณไว้ได้ แค่พลาดนิดเดียวพลังวิญญาณมันก็จะไหลออกทำให้ชาเสียคุณภาพลงทันที”
ชายแก่ตัวสั่นไปทั้งร่าง “เจ้ามีวิธีหลอมชาน้ำค้างจักจั่นเปล่าหรือ? น้ำค้างจักจั่นเปล่านั้นเป็นของหายาก การดูแลปลูกรักษามันก็ไม่ค่อยจะมีใครรู้นัก เฒ่าคนนี้พยายามมาอย่างมากมายแต่ก็ไม่สามารถหาวิธีการหลอมต้มที่ถูกต้องเสียที”
เพราะความแตกต่างระหว่างยอดระดับสี่กับระดับห้านั้น มันแตกต่างกันมากสำหรับชายแก่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...