เพราะเขานั้นอ่านทุกสิ่งอย่างจริงจังไม่มีสิ่งไหนผิดพลาดหลุดรอดความเข้าใจของเขาไปได้จริงๆ
ชายชราผมขาวได้แต่หัวเราะ “จริงจัง? ตั้งใจ? เจ้าอ่านหลักพื้นฐานกว่าห้าร้อยสามสิบสองเรื่องในเวลาไม่ถึงสิบสี่วัน เฉลี่ยวันละสามสิบถึงสี่สิบเรื่อง แล้วเจ้ายังจะมีหน้ามาบอกว่าเจ้าอ่านอย่างจริงจังอีก?”
เย่หยวนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาจึงได้เข้าใจความหมายที่ชายแก่ต้องการสื่อและยิ้มออกมาอย่างขื่นขม “ผู้อาวุโส ข้าอ่านทุกอย่างด้วยความจริงจังและตั้งใจไม่ได้แค่เปิดผ่านๆ ตาจริงๆ!”
ชายชราเห็นอย่างชัดเจนว่าเย่หยวนนั้นมาพรสวรรค์เพียงใดและย่อมมีความคาดหวังต่อตัวเขาอย่างสูงยิ่ง
แต่ท่าทางนั้นของเย่หยวนในการอ่านทฤษฎีต่างๆ มันกลับทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
ตอนนี้เมื่อมาตักเตือน อีกฝ่ายกลับยังไม่คิดที่จะยอมรับ เรื่องนี้มันยิ่งทำให้เขาไม่พอใจเข้าไปอีก
ชายชราหันมาหัวเราะ “เจ้าบอกว่าเจ้าอ่านมันอย่างจริงจัง ได้ เช่นนั้นข้าขอถามเจ้าว่าอะไรคือหัวใจสำคัญของศาสตร์การควบคุมไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งสื่อหมิง?”
ศาสตร์การควบคุมไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งสื่อหมิงนั้นเป็นเรื่องการควบคุมไฟของเผ่าอสูรที่เย่หยวนได้อ่านไป
ชายชราเองก็เห็นว่าเย่หยวนมีทักษะการควบคุมไฟที่มีพื้นฐานมาจากทางด้านมนุษย์ เขาจึงไม่ได้เชี่ยวชาญในด้านการควบคุมไฟของเผ่าอสูรเท่าไหร่นัก
ส่วนศาสตร์การควบคุมไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งสื่อหมิงนั้นคือพื้นฐานทั้งหมดของศาสตร์การควบคุมไฟของเผ่าอสูร
เมื่อเย่หยวนได้ยินเขาก็ยิ้มตอบ “ท่านผู้อาวุโสต้องการทดสอบข้า?”
ชายชราไม่ได้ปฏิเสธออกมาและพูดต่อ “หากเจ้าตอบไม่ได้ วันหน้าเมื่อเจ้ามายังศาลาสวรรค์หลวงเจ้าต้องอ่านหนังสือแค่ทีละเล่มให้รู้เรื่อง!”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ศาสตร์การควบคุมไฟศักดิ์สิทธิ์แห่งสื่อหมิงนั้นมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การวางไฟไว้ในใจ แล้วใช้ใจตามความคิด เมื่อหัวใจและไฟรวมเป็นหนึ่ง ศาสตร์การควบคุมไฟก็จะเชื่อมต่อกับสวรรค์!”
เมื่อชายชราได้ยินเขาก็ตื่นตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะนี่เป็นความรู้ที่ต้องใช้การวิเคราะห์ช่วย เขาไม่นึกว่าเย่หยวนจะสามารถตอบออกมาได้ในทันที
แต่ชายชราก็ยังไม่ยอมแพ้และถามขึ้นมาอีก “การคุมไฟนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าถนัด จะตอบได้มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดา เอาใหม่ ศาสตร์มหาวารุณเส้นฟ้านั้นมีจุดสำคัญอยู่ทั้งหมดกี่จุด?”
เย่หยวนยิ้มตอบและเปิดปากพูด บอกเล่าจุดสำคัญออกมาอย่างชัดเจน
แม้จะได้ยินเช่นนั้นชายชราก็ยังไม่อยากจะเชื่อและถามคำถามขึ้นมาอีกอย่างไม่หยุดยั้ง ความเร็วในการถามตอบยิ่งรวดเร็วขึ้นเป็นทวี
เย่หยวนรู้ดีว่าชายชราคนนี้หวังดีแก่ตัวเขา เขาจึงไม่ได้รู้สึกรำคาญใจใดๆ ทั้งสิ้นและตอบคำถามของชายชราออกมาอย่างชัดเจนไม่มีผิดพลาดใดๆ
ยิ่งชายชราถามไปมาก เขาก็ยิ่งตื่นตกใจมาก
หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้มันจะใช้เวลาแค่สิบกว่าวันเรียนรู้สิ่งที่ผู้อื่นต้องใช้เวลากว่าหลายพันปีในการเรียนรู้?
นี่มันสัตว์ประหลาดหรือ?
และสิ่งที่ทำให้เขาตื่นตะลึงมากกว่าก็คือเย่หยวนไม่ได้แค่ตอบได้ แต่เขายังเพิ่มความเห็นของตนเองเข้ามาซึ่งเป็นความเห็นที่ลึกซึ้งอย่างมาก!
ความเข้าใจในหลายๆ เรื่องนี้มันถึงขั้นทำให้ชายชรารู้สึกว่าตนได้เปิดหูเปิดตา
ทฤษฎีที่เย่หยวนอ่านไป ชายชราคนนี้เองก็อ่านมันมาแล้วอย่างไม่รู้กี่ครั้งได้ อ่านจบแทบจำมันได้ตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้ายอย่างไม่มีขาด
แต่เขากลับพบว่าเย่หยวนนั้นอ่านทฤษฎีที่ต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกว่าพันปีนี้และเข้าใจได้มากเสียยิ่งกว่าตัวเอง!
นี่มัน…จะบ้าบอเกินไปแล้ว!
ชายชรารู้สึกได้ถึงคำด่าทอที่เกิดขึ้นในจิตใจตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่
เพราะตอนนี้มันไม่ใช่การทดสอบอีกฝ่ายแล้ว มันเป็นการเดินมาให้เด็กสั่งสอนชัดๆ!
แต่ว่าเขาก็ยังไม่หยุด ถามคำถามเย่หยวนออกมาเรื่อยๆ เพราะว่าความเข้าใจของเย่หยวนในตอนนี้มันช่วยชี้ทางสว่างให้เขาเสียด้วยซ้ำ
ในที่สุดชายชราก็หยุดถามลง เขามองดูเย่หยวนราวกับว่าได้เจอผี “เด็กน้อย เจ้าไม่ได้มาล้อข้าเล่นใช่ไหม? ทฤษฎีเหล่านี้เจ้าคงไม่ได้อ่านมันมาก่อนแล้วหรอกนะ?”
เย่หยวนยิ้มตอบ “ท่านผู้อาวุโสคงล้อเล่นแล้ว ท่านถามไปนับร้อยคำถาม ท่านคิดว่าต่อให้ข้าจะเคยอ่านพวกมันมาก่อน มันก็คงไม่อ่านมาอย่างพอเหมาะพอเจาะทุกเรื่องเช่นนี้หรอกใช่ไหม?”
ชายชราเองก็คิดเช่นนั้น เพราะหนังสือห้าร้อยกว่าเรื่องนี้ มันย่อมมีบ้างที่เขาต้องไม่เคยอ่าน
หากไม่ใช่เพราะว่าเขาเพิ่งอ่านมันมา คำถามความจำบางคำถามมันย่อมไม่มีทางตอบได้
ที่สำคัญเย่หยวนก็คงไม่ว่างถึงขนาดมาปั่นหัวคนเฝ้าศาลาอย่างเขาเล่นแน่อยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...