เมื่อเย่หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ “ท้าทายโอสถบรรพกาล! มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลของเผ่าอสูรผู้นี้เก่งกาจขนาดนั้นเลย?”
คำพูดนั้นมันทำให้ชายชราทำหน้าตาไม่ค่อยพอใจออกมา “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือเจ้าคิดว่าเผ่าอสูรเราจะไม่มีผู้ที่เก่งกาจและทำได้แค่เดินตามความรู้ของเผ่ามนุษย์?”
เย่หยวนได้แต่หัวเราะแห้งๆ ออกมา “หึๆ ผู้อาวุโสอย่าได้ว่ากล่าวข้าเลย ผู้น้อยแค่เคยได้ยินมาว่าโอสถบรรพกาลนั้นเหลืออีกแค่ก้าวเดียวก็จะขึ้นสู่อาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้ ข้าจึงคิดมาเสมอว่าโอสถบรรพกาลคนนี้คือยอดนักหลอมโอสถอันดับหนึ่งแห่งมหาพิภพถงเทียน”
เพราะเอาจริงๆ แม้แต่หวู่เฉินก็ไม่แน่ใจว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแห่งเผ่าอสูรคนนี้เก่งกาจถึงขั้นไหนกันแน่
เพราะยังไงเสียในสายตาของผู้สูงส่งเหล่านั้น ตัวจอมเทพนิรันดร์เองก็เป็นได้แค่ผู้น้อยคนหนึ่ง
ตอนที่โอสถบรรพกาลและมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเล่นหมากล้อมนี้กันนั้น จอมเทพนิรันดร์ยังไม่รู้เลยว่าอยู่ในซอกหลืบมุมไหนของโลกหล้า เป็นตอนที่ยังไม่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น
ชายชราผมขาวพ่นลมหายใจออกมาแรง แต่สีหน้าตอนนี้ก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก “จริงๆ ที่เจ้าว่ามามันก็ถูก เพราะแม้มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลจะเก่งกาจแค่ไหน สุดท้ายเขาระหว่างเขากับโอสถบรรพกาลมันก็ยังมีเส้นบางๆ กั้นไว้อยู่ เกมหมากล้อมนี้สุดท้ายก็เป็นฝ่ายมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่พ่ายแพ้ลง”
เย่หยวนนั้นตื่นตกใจมากเพราะเขาไม่นึกไม่ฝันว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลแห่งเผ่าอสูรนี้จะเก่งกาจจนสามารถเทียบเคียงวิชาโอสถของโอสถบรรพกาลได้
เพราะในเรื่องราวที่หวู่เฉินบอกเล่ามาแก่เย่หยวนนั้น โอสถบรรพกาลคือสุดยอดตัวตนที่ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงความรู้วิชาโอสถของเขาได้เลย
เพราะยังไงเสียเขาก็เป็นถึงยอดคนที่เกือบขึ้นไปถึงอาณาจักรเต๋าบรรพกาลได้
ในโลกของโอสถแล้ว จะเรียกเขาผู้นี้ว่าเป็นจุดสุดยอดของโลกทั้งใบก็คงไม่ผิดนัก
แต่ว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลคนนี้กลับสามารถปะทะกับโอสถบรรพกาลได้และแค่แพ้ไปด้วยเส้นกั้นบางๆ
วิชาฝีมือระดับนี้ คงหาไม่ได้อีกแล้วในมหาพิภพถงเทียนนี้
“ผู้อาวุโส แพ้ย่อมนับว่าแพ้ แต่ทำไมมันถึงได้เรียกว่าหมากล้อมนิรันดร์ ‘อย่าถาม’ กันเล่า?” เย่หยวนถามขึ้น
ชายชราหันมาเหลือบมองเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม “ถึงข้าจะบอกว่ามันคือหมากล้อม แค่จริงๆ ด้วยความเข้าใจในเต๋าของคนทั้งสองเมื่อตอนนั้น เมื่อมันเข้าสู่ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ได้นั่งอยู่หน้ากระดานนานถึงแสนปี สุดท้ายผมเผ้าของเขาก็กลายเป็นสีขาวโพลน และต้องบาดเจ็บหนักจนกระอัดเลือดออกมา เขาจึงได้เปิดปากออกถามโอสถบรรพกาลว่าทำไมตัวเขาถึงได้แพ้ลงได้ และโอสถบรรพกาลก็ตอบกลับมาแค่ว่า ‘อย่าถามๆ!’ นั่นทำให้ชื่อเกมนี้ถูกตั้งมันจากนั้น…”
“จากนั้น?” เย่หยวนถามอีก
“กล่าวกันว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นเก็บเรื่องนี้ไว้ฝังใจและพยายามที่จะหาทางแก้มือแก้แค้นให้ได้ แต่เขาก็รู้ตัวถึงช่องว่างระหว่างตัวเองและโอสถบรรพกาลดี เพราะฉะนั้นหลังจากกลับมาถึงเผ่าอสูรเขาก็ได้สร้างวิหารนักบวชขึ้นและรับศิษย์เข้าไปดูแลสั่งสอน หวังว่าสักวันจะเลี้ยงดูยอดคนที่มีความสามารถเทียบเคียงกับโอสถบรรพกาลขึ้นมาได้ พร้อมๆ กันนั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ได้แยกหมากล้อมกระดานนั้นออกมาให้เป็นแบบง่ายและสร้างชุดเลียนแบบ ‘อย่าถาม!’ ขึ้นมาแจกจ่ายไปทั่ววิหารนักบวช หากมีใครสามารถแก้ไข ‘อย่าถาม!’ นี้ได้ พวกเขาก็จะได้รับสิทธิ์เข้าไปยังวิหารใหญ่” ชายชราผมขาวบอก
“เช่นนี้นี่เอง ดูท่าเหล่าผู้อาวุโสจะอยากให้ข้าแก้ไขเรื่องราวที่แสนหนักหน่วงเสียแล้ว” เย่หยวนยิ้ม
ชายชราผมขาวเองก็ยิ้มตอบมา “เจ้ากลัวหรือ?”
เย่หยวนหันกลับไปมองชายชราด้วยรอยยิ้มในทันที “วันนั้น ตอนที่เจ้าวิหารดี๋เชียวคิดจะสังหารข้า คงเป็นผู้อาวุโสกระมังที่ช่วยยื่นข้อเสนอนั้นขึ้นมา?”
ชายชราผมขาวยิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา “ข้าคิดแล้วจริงๆ ว่ามันคงปิดเจ้าไม่อยู่ เจ้าเด็กคนนี้!”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะ “ผู้น้อยขอขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตไว้ แต่ว่าเราก็รู้จักกันมากว่าครึ่งปีแล้วแต่เย่หยวนผู้นี้ยังไม่รู้นามของท่านเลย”
ชายชราผมขาวตอบ “เฒ่าคนนี้มีนามแค่ตัวเดียวว่าซิ่ว เจ้าเรียกข้าว่าผู้อาวุโสซิ่วเถอะ”
เย่หยวนตอบรับ “ผู้อาวุโสซิ่วนั้นคงคาดหวังให้ข้าไปรับคำท้า?”
ซิ่วตอบกลับมา “ห้าสิบล้านปีมานี้คนที่สามารถแก้ ‘อย่าถาม!’ อย่างง่ายลงได้นั้นมีเพียงแค่สิบเอ็ดคน! และตอนนี้คนทั้งสิบเอ็ดนั้นก็ได้เป็นศิษย์ของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลโดยตรง และยังนับเป็นกำลังหลักคนสำคัญของวิชาการโอสถเผ่าอสูรด้วย แต่น่าเสียดายที่คนทั้งสิบเอ็ดนั้นเรียนรู้มานับสิบล้านปีแต่ก็ยังไม่สามารถจะแก้ ‘อย่าถาม!’ ของจริงลงได้”
“ห้าสิบล้านปีแล้วแต่กลับมีแค่สิบเอ็ดคน ท่านผู้อาวุโสคิดหรือว่าข้าจะสามารถแก้มันได้?” เย่หยวนถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ซิ่วส่ายหัว “ต่อให้เป็น ‘อย่าถาม!’ ฉบับง่ายมันก็ยังเป็นการศึกษาถึงความลึกลับ เปิดหนทางสู่ความลับของยอดเต๋า คนธรรมดาย่อมไม่มีทางผ่านได้เลย แค่ผิดพลาดก้าวเดียวคนผู้นั้นก็อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตลงได้ เจ้านั้นเปี่ยมล้นไปด้วยความฉลาด มีมุมมองและสายตาที่แปลกแยก ข้าคิดว่าบางทีเจ้า… อาจจะพอมีโอกาสผ่านไปได้ ว่ายังไง? กล้าที่จะลองไหมล่ะ?”
ครึ่งปีมานี้ซิ่วได้พูดคุยถกเถียงวิชากับเย่หยวนมามาก ยิ่งพวกเขาได้พูดคุยกันเขาก็ยิ่งได้รับประโยชน์จากมัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...