ในหมู่ฝูงสัตว์อสูรจำนวนมากมายที่ดูแสนน่าขนลุกขนพองนั้นมันกลับมีสัตว์อสูรที่อยู่ในยอดของระดับสี่ขั้นปลายด้วย
พลังของมันนั้นเทียบเท่าได้กับราชันพระเจ้าเก้าดาวเลยทีเดียว
ตอนนี้เย่หยวนอยู่ในอาณาจักรวายุพระเจ้าห้าดาว ต่อให้ต้องเผชิญกับราชันพระเจ้าแปดดาวเขาก็ไม่หวานหวั่นแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้เจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงวัวกระทิงกลับมีคลื่นพลังที่เทียบได้กับราชันพระเจ้าเก้าดาว
ด้วยทักษะการเคลื่อนที่ของเย่หยวนแล้ว หากเขาคิดอยากหนีต่อให้เป็นเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าก็คงติดตามไปไม่ทัน
เพียงแค่ว่าตอนนี้หู่ชิงกำลังทำการโจมตีบรรลุขั้นอยู่ในจุดสำคัญ หากเขาหนีไปเสียแล้วสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ก็คงเจ้ามารุมทำร้ายเจ้าเสือตัวนี้จนไม่เหลือซากร่างให้เก็บกลับไปแน่
หากเป็นคนอื่นพวกเขาคงเลือกที่จะหนีกันอย่างไม่คิด
แต่นี่คือเย่หยวน!
เมื่อรู้สึกได้ว่ามีคลื่นพลังรุนแรงห้อมล้อมอยู่รอบตัวคลื่นพลังของหู่ชิงก็เริ่มเกิดอาการสั่นไหวขึ้นมา
การบรรลุของเขากำลังมาถึงช่วงวิกฤต หากตอนนี้มีอะไรผิดพลาดไปอย่างน้อยๆ เขาต้องเสียการบ่มเพาะลงไปขั้นหนึ่ง แต่หากมันกลายเป็นเรื่องใหญ่เขาอาจจะต้องสูญเสียฐานบ่มเพาะไปทั้งหมดและคงเป็นการยากที่จะกลับมายืนอยู่ยังจุดเดิมได้อีก
“ตอนนี้เจ้าไม่ต้องไปคิดเรื่องอื่นใด ตั้งใจทำการบรรลุไปก็พอ ปล่อยที่เหลือให้ข้าจัดการ! ยิ่งเจ้าบรรลุได้เร็วเท่าใดเราก็จะยิ่งสามารถหนีออกไปได้เร็วเท่านั้น”
คำพูดของเย่หยวนนั้นส่งไปถึงหูของหู่ชิง ไม่นานนักพลังของเขาก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง
เย่หยวนมองดูที่ฝูงสัตว์อสูรที่ด้านหน้าและถอนหายใจยาว “ดูท่าข้าคงมีแต่ต้องเสี่ยงและรอให้หู่ชิงบรรลุจนสำเร็จก่อนสินะ!”
จู่ๆ ก็มีเงาร่างอีกหนึ่งร่างปรากฏออกมาข้างๆ เย่หยวน แน่นอนว่าเขาย่อมคือหนิงเทียนปิง
ด้วยการพัฒนาพลังฝีมือที่เหนือล้ำของเย่หยวน ตอนนี้เรื่องที่หนิงเทียนปิงจะสามารถช่วยเขาได้มันจึงมีไม่มากมายนัก
เวลาหลายปีมานี้ เขาได้แต่เก็บตัวฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ในโถงบัลลังก์ม่วง
ด้วยการชี้นำของโม่ลี่เฟยและโอสถที่ได้มาจากเย่หยวน ทำให้ตอนนี้เขาสามารถบรรลุคอขวดใหญ่และกลายมาเป็นยอดฝีมืออาณาจักรราชันพระเจ้าเจ็ดดาว
“นายใหญ่ นี่มัน…”
เมื่อหนิงเทียนปิงออกมาพบภาพที่น่าสะพรึงตรงหน้าเขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าซีดเผือดลง
เย่หยวนตอบ “เจ้าเฝ้าหมอนี่ไว้! อย่าให้สัตว์อสูรตัวใดเข้ามาใกล้ที่เหลือปล่อยข้าจัดการเอง!”
หนิงเทียนปิงเปลี่ยนสีหน้าไปทันที “แต่นายใหญ่ เจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นมันแข็งแกร่งเกินไป!”
เย่หยวนบอก “ข้าไม่ได้คิดจะไปเสี่ยงชีวิตกับมันเสียหน่อย จะกลัวอะไรอีก?”
“ขอรับนายใหญ่!” หนิงเทียนปิงได้แต่กัดฟันตอบไป
แม้จะต้องเจอสถานการณ์สุดเลวร้ายเช่นนี้ ตัวเขากลับสามารถทำได้แค่ช่วยอยู่ไกลๆ มันช่างเจ็บปวดหัวใจ!
เย่หยวนชักดาบยาวออกมาและยิงร่างตัวเองออกไปราวสายฟ้า หายวับไปกับร่องอากาศ
เมื่อเขาเริ่มลงมือ เขาก็โจมตีออกมาด้วยกระบวนท่าปลิดชีพ ดาบวิญญาณลับ!
ฉัวะ!
ร่างของเจ้าหมาป่าดำตัวก่อนหน้าถูกผ่าออกเป็นสองซีกทันทีด้วยดาบของเย่หยวน ตายจนไม่สามารถหาชีวิตใดๆ ได้จากตัวมันอีก
และการโจมตีในครั้งนี้มันก็เรียกให้สัตว์อสูรตัวอื่นๆ หันมาสนใจทันที
“โฮ่ก!”
ในความเงียบงันนั้นมันมีแต่เสียงคำรามร้องของสัตว์อสูรที่บ้าคลั่ง เป็นภาพที่แสนน่าขนลุกขนพอง
เย่หยวนเรียกความสนใจของเหล่าสัตว์อสูรทั้งหมดมาพร้อมๆ กัน
ในหมู่ฝูงสัตว์อสูรนั้น เย่หยวนขยับร่างไปมาหน้าหลังด้วยมิติอย่างไม่มีหยุด
เมื่อเขาลงมือ มันก็สามารถสังหารสัตว์อสูรได้ทุกครั้ง
แต่ตอนนี้เองที่เจ้าสัตว์อสูรยอดระดับสี่ขั้นปลายตัวนั้นโจมตีออกมา
“โฮ่ก!”
เมื่อเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าคำรามร้องออกมา พื้นที่รอบๆ ตัวเย่หยวนก็เปลี่ยนกลายเป็นทะเลสายฟ้าไปทันที
เย่หยวนหน้าถอดสี เจ้าสายฟ้าเหล่านี้มันช่างรุนแรงและมีฤทธิ์ในการหยุดมิติไว้ ทำให้เย่หยวนไม่สามารถใช้แนวคิดแห่งห้วงมิติออกมาได้ดีนัก
เพราะยังไงเสียวิชาหลักหนึ่งของเย่หยวนก็คือแนวคิดแห่งห้วงมิติ
หากวิชาการเคลื่อนไหวของเขาถูกผนึกลง เขาย่อมไม่มีทางที่จะรอดออกไปได้
เจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าตัวนี้มันไม่ได้โง่
“โฮ่ก!”
ด้วยเสียงคำรามอีกครั้งเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้าตัวนั้นก็ก้าวออกมาด้วยความเร็วที่ปานสายฟ้า พุ่งเข้าชนใส่เย่หยวนอย่างเต็มแรง
เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้มันช่างรวดเร็วจนเกินบรรยาย เพียงพริบตาก็สามารถขยับร่างมาถึงตรงหน้าเย่หยวนได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...