จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1928

โถงโอสถสวรรค์นั้นคือสถานที่ที่เหล่ายอดฝีมือระดับตำนานของศาลาโอสถสวรรค์จะมาพูดคุยปัญหาภายในกัน

มีเพียงแค่เหล่ายอดฝีมือที่มีตราเหรียญยาฟ้าเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านเข้ามาในที่แห่งนี้ได้

เหล่านักหลอมโอสถในศาลาโอสถสวรรค์นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นหกระดับ ทองแดง เงิน ทอง จิตม่วง เกล็ดดำ และขั้นสูงสุดขั้นยาฟ้า

เมื่อขึ้นมาจนถึงขั้นยาฟ้าได้คนทั้งหลายนี้ต่างเป็นยอดฝีมือจอมเทพโอสถหกดาวขั้นสุดทั้งสิ้น

ที่สำคัญพวกเขาทั้งหลายนี้ยังมีฝีมือมากกว่าจอมเทพโอสถคนอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่างมาก!

ศาลาโอสถสวรรค์นั้นมีนักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้าอยู่ทั้งสิ้นสิบห้าคนและเจ็ดคนในนั้นก็ได้ปักหลักอยู่ที่ศาลาโอสถสวรรค์นี้เป็นการถาวร

ส่วนคนอื่นๆ เองล้วนเป็นยอดคนชื่อดังทั่วฟ้ามีอำนาจล้นมือในเขตดินแดนของตน

และคนทั้งเจ็ดนี้เองที่เป็นผู้ดูแลควบคุมกิจการงานของศาลาโอสถสวรรค์ทั้งหมด

ในเวลานี้กำลังมีสามนักหลอมโอสถสวรรค์ยาฟ้านั่งมองหน้ากันอยู่ภายในโถง

ที่ตรงกลางมีชายหนวดขาวผู้หนึ่งพูดขึ้น “เจ้าหนุ่มเย่หยวนคนนี้ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกัน?”

ชายชราชุดเทากล่าวขึ้น “ศึกกว่าร้อยครั้งเด็กคนนี้มันหลอมโอสถขั้นเทวะวิญญาณไพศาลได้กว่ายี่สิบครั้ง ขั้นเทวะโมฆะกว่าหกสิบครั้ง และขั้นเทวะม่วงเพียงไม่ถึงสิบครั้ง! พลังฝีมือเช่นนี้มันเหนือล้ำอย่างที่ไม่เคยจะได้ยินได้ฟังมาก่อน!”

ชายวัยกลางคนในชุดเขียวอีกผู้ก็พูดขึ้นตามพร้อมพยักหน้า “เด็กคนนี้มันมีพลังฝีมือที่เหนือล้ำ! เพียงแค่ว่าระดับความยากของโอสถที่ใช้ในสังเวียนเงินนั้นมันไม่ได้สูงส่งนัก เรื่องที่ว่าเขานั้นแท้จริงเก่งกาจเพียงใดมันคงต้องรอพิสูจน์กันอีกสักพัก”

ชายหนวดขาวพูดขึ้นต่อ “เป็นเช่นนั้นจริง! แต่ในสายตาของข้าแล้วพลังฝีมือของเขานั้นคงมากพอที่จะขึ้นขั้นเกล็ดดำได้!”

คนทั้งสองที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าออกมาอย่างพร้อมเพรียงไม่มีท่าทางขัดใดๆ

เพราะตามความเป็นจริงแล้วเหล่าผู้คนที่ขึ้นไปถึงขั้นเกล็ดดำได้ล้วนแล้วแต่เป็นจอมเทพโอสถหกดาวกันสิ้น

เว้นเสียแต่ว่าการจัดระดับของศาลาโอสถสวรรค์นี้มันไม่ได้แบ่งกันไปตามการบ่มเพาะแต่แบ่งกันตามความสามารถในการหลอมโอสถ

ในหมู่ทองทั้งหลายเองก็มีจอมเทพโอสถหกดาวอยู่บ้าง แต่พวกเขานั้นไม่ได้มีพลังฝีมือมากพอจะขึ้นขั้นเกล็ดดำ

ตรงกันข้ามบางครั้งบางทีก็อาจจะมีจอมเทพโอสถห้าดาวที่มีพลังฝีมือเหนือล้ำก้าวข้ามหน้าเหล่าจอมเทพโอสถหกดาวขึ้นมาได้

โดยทั่วไปแล้วจอมเทพโอสถหกดาวนั้นควรจะเก่งกาจกว่าจอมเทพโอสถห้าดาว แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เด็ดขาดแต่อย่างใด

เพราะเช่นนั้นแล้วการที่จอมเทพโอสถห้าดาวจะหลอมได้ถึงขั้นเทวะแต่จอมเทพโอสถหกดาวไม่สามารถหลอมได้มันจึงไม่แปลกนัก

มันแค่แสดงให้เห็นว่าจอมเทพโอสถห้าดาวคนนั้นมีศักยภาพมากกว่า

เมื่อพวกเขาเหล่านี้บรรลุขึ้นถึงหกดาวได้แล้วพวกเขาก็ย่อมจะเก่งกาจกว่าจอมเทพโอสถหกดาวทั่วๆ ไปอย่างแน่นอน

เหล่าคนที่เคยได้สู้ในสังเวียนประลองโอสถของศาลาโอสถสวรรค์นี้จนขึ้นไปถึงระดับทองขั้นสูงสุดได้ล้วนแล้วแต่เป็นยอดคนในหมู่ยอดคน พลังฝีมือของพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่อาจดูถูกได้เลย

ชายหนวดขาวเองก็เข้าใจดีถึงความเก่งกาจของเย่หยวนต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นจอมเทพโอสถหกดาวขั้นกลางมันก็คงไม่อาจเทียบเคียงฝีมือเขาได้

ระหว่างที่คนทั้งสามคุยกันไปนี้ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาในโถง

ชายชรากล่าวขึ้นอย่างไม่พอใจ “เฉินหยู่ ส่งคนไปเรียกข้ามาอย่างรีบร้อนมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจ้าไม่รู้หรือว่าช่วงนี้ข้ายุ่งแค่ไหน?”

ชายหนวดขาวตอบกลับไป “หึ เซินชางเฒ่า เจ้ายุ่งมากสิ! ระหว่างช่วงหลายวันที่เจ้าไม่อยู่นี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในศาลาโอสถสวรรค์แล้ว!”

ชายชราที่เพิ่งเข้ามานี้มันมิใช่ใครที่ไหนนอกจากเซินชางที่ไปแย่งซื้อกิเลนดินกับเย่หยวนที่แหล่งรวมร้อยสมุนไพรนั่นเอง

เฉินหยู่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับเย่หยวนออกมาให้เซินชางฟังจนหน้าถอดสี

“เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าเขานามเย่หยวน?”

เซินชางย้อนกลับไปนึกถึงชื่อเย่หยวนที่เหมือนคุ้นหูเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

เฉินหยู่พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว จะว่าไปเจ้าเด็กคนนี้มันก็ช่างเป็นสัตว์ประหลาดแท้ อายุแค่พันกว่าปีแต่กลับมีวิชาโอสถที่เหนือล้ำจนน่ากลัว!”

เซินชางสั่นสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวนั้นได้ เขาบ่มพึมพำกับตัวเองออกมาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง “บ้าน่า! เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้! มีหรือที่จะเป็นเขาไปได้?”

เฉินหยู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมหรือ? เจ้าเคยพบเจอเขา?”

เซินชางยกมือขึ้นมาโบกปัด “ไม่น่าจะใช่ผู้เดียวกัน! ช่างเถอะ ไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง!”

พูดจบเขาก็ขยับร่างจางหายไปจากโถงโอสถสวรรค์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ