ภายในสวนแห่งหนึ่งตอนนี้ชายชรากับชายหนุ่มกำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างผ่อนคลาย
“ฮ่าๆ! สมชื่อว่าเป็นเด็กที่มีรัศมีผ่าจักรพรรดิเสียจริงๆ ไม่ได้เจอแค่ไม่กี่ร้อยปีเจ้ากลับสามารถขึ้นมาเป็นคนรุ่นเดียวกับข้าได้เสียแล้ว! ความเร็วในการบ่มเพาะนี้มันเหนือล้ำเสียจริง!”
“หึๆ หลายปีมานี้ข้าเพียงแค่โชคดีได้มีโอกาสบ่มเพาะอย่างจริงจัง ทางท่านผู้อาวุโสต่างหากที่ดูไม่แก่ลงเลย!”
ชายชรายกมือขึ้นมาโบกปัด “เจ้าคิดจะมาล้อเฒ่าคนนี้แล้วหรือ? เมื่อครั้งก่อนที่เราได้พบเจอกันเฒ่าคนนี้ต้องเสียพลังชีวิตไปมากมายเวลาหลายปีที่พักผ่อนมานี้มันก็ทำให้แค่ฟื้นฟูสภาพร่างกายผสานกับสมุนไพรวิญญาณอีกมากมายเฒ่าคนนี้จึงยังอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้”
ชายหนุ่มตอบกลับไป “เช่นนั้นข้าถึงมามิใช่หรือ?”
ชายชราพยักหน้าตอบกลับมา “แค่พลังชีวิตเท่านี้ใช้เวลาอีกสักพันปีมันก็เพียงพอจะฟื้นคืน เจ้าไม่เห็นต้องลำบากเดินทางมาเลย”
ชายหนุ่มคนนั้นจึงตอบกลับไป “ผู้เยาว์นั้นได้รับการดูแลจากท่านผู้อาวุโสไว้มาก การมาครั้งนี้ของข้าย่อมมาเพื่อจะรักษาอาการบาดเจ็บใดๆ ของท่านให้สิ้นไป”
เมื่อชายชราได้ยินเช่นนั้นเขาก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง “หรือว่า… เจ้าจะขึ้นไปถึงฐานของมันแล้ว?”
ชายหนุ่มยิ้มตอบกลับมาพร้อมพยักหน้ารับ เมื่อชายชราเห็นเช่นนั้นเขาก็แสดงใบหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างมากออกมา
ชายชราและชายหนุ่มทั้งสองคนนี้มันย่อมเป็นเจ้าศาลามายาล้ำแห่งเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย เจียนหงเซียวและเย่หยวน
หลังเรื่องราวของประตูวิญญาณมรณาผ่านพ้นไปเย่หยวนก็ได้วางแผนการรับมือภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์อย่างมากมายแต่ฝั่งประตูวิญญาณมรณากลับไม่คิดจะเคลื่อนไหวใดๆ
และช่วงหลังมานี้เย่หยวนก็เริ่มก้าวขึ้นมาถึงฐานของระดับหกและคงจะสามารถบรรลุขึ้นไปได้ในอีกไม่ช้าทำให้เขาตัดสินใจเดินทางออกมาหาเจียนหงเซียวเช่นนี้
บัญญัติเทพแห่งถงเทียนระดับที่หกนั้นเย่หยวนใกล้ที่จะสร้างมันได้สมบูรณ์แล้ว
เมื่อทำการสร้างมันได้จนสมบูรณ์ เย่หยวนย่อมจะสามารถก้าวขึ้นสู่อาณาจักรต่อไปได้
เพราะฉะนั้นเย่หยวนจึงได้รีบจัดการเรื่องภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์และเดินทางมุ่งหน้ามายังเมืองจักรพรรดิเลิศประกาย
เมื่อเห็นเจียนหงเซียวอีกครั้งเย่หยวนก็ไม่ได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นลึกลับเหมือนก่อนหน้าที่เจอกันแล้ว
เพราะร่างกายของเย่หยวนในตอนนี้เองก็ขึ้นมาถึงระดับหก มีพลังฝีมือที่เหนือล้ำพอจะจัดการเทพถ่องแท้สองดาวลงได้ไม่ยาก
และเมื่อได้มาเจอกันครั้งนี้เย่หยวนก็เห็นได้ทันทีว่าเจียนหงเซียวนั้นเดิมทีแล้วเป็นเทพถ่องแท้มาก่อนจะได้รับแรงสะท้อนจากเต๋าสวรรค์!
“หึ คำพูดทั้งหลายนั้นมันจะไม่อวดดีเกินไปหน่อยหรือ? ยอดฝีมือนภาสวรรค์นั้นมีมากมายเพียงใดที่ต้องติดอยู่ที่คอขวดนับหมื่นๆ ก่อนขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้ไป? ต่อให้เจ้าจะเป็นยอดคนมากพรสวรรค์แต่หากไม่มีเวลาอีกสักสิบหรือร้อยปีมันก็คงไม่อาจจะบรรลุขึ้นไปได้ง่ายดายปานนั้นใช่หรือไม่เล่า?” เจียนเฉินกล่าวขึ้นแทรก
ตั้งแต่ที่เขาได้พบเจอเย่หยวนอีกครั้งใบหน้าของเจียนเฉินก็แสดงท่าทางสับสนมาตลอด
เพราะในตอนนั้นที่เย่หยวนมายังเมืองจักรพรรดิเลิศประกายนี้เขายังเป็นแค่ราชันพระเจ้าขั้นต้น
และตัวอาจารย์ของเขานั้นก็ต้องใช้พลังปราณไปมากมายเพื่อเย่หยวนคนนี้ มันจึงทำให้เขาเกิดความไม่ชอบพอขึ้นในใจ รู้สึกว่าการลงแรงของอาจารย์เขานั้นมันไม่คุ้มค่าเสียเลย
เจียนหงเซียวต้องเสียอายุขัยไปมากมายและคงอยู่ได้อีกไม่นานมากแล้ว
ปราณที่เสียไปนั้นมันพอทดแทนได้ แต่อายุขัยที่เสียไปมันเป็นเรื่องยากที่จะหาสิ่งใดมาเสริมเพิ่ม
เพียงแค่ว่าเขาเองก็ไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนจะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ร้อยปีในการก้าวขึ้นมาสู่อาณาจักรนภาสวรรค์เก้าดาว หากนับกันแค่พลังอาณาจักรบ่มเพาะ เด็กหนุ่มตรงหน้านี้มันก็เทียบเคียงกับเขาได้แล้ว
เจียนเฉินจึงรู้สึกเสียหน้าไปอีกขั้น
ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนกลับทำแค่ยิ้มและไม่ตอบใดๆ ส่วนทางเจียนหงเซียวกลับมองมาที่เจียนเฉินด้วยสายตาเอ็นดู “เฉินเอ๋อ สายตาของเจ้านั้นยังไม่ถึงขั้นจริงๆ! สหายหนุ่มเย่หยวนผู้นี้มีรูปกายภายนอกที่หลอกตาเนื้อหนังดูผอมบางแห้งแต่เขานั้นได้มีรูปร่างที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนนี้เขาได้บ่มเพาะกายทองคำขึ้นมาถึงระดับหกได้แล้ว เพราะฉะนั้นอาจารย์ของเจ้าผู้นี้จึงได้บอกว่าเขาเป็นคนรุ่นเดียวกัน”
เมื่อเจียนเฉินได้ยินดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง!
แต่คำพูดต่อไปของเจียนหงเซียวมันยิ่งทำให้เขาต้องตกตะลึง
เจียนหงเซียวหันไปมองเย่หยวน “ที่สำคัญ… ที่สหายหนุ่มเย่มีนี้ดูท่าจะเป็นกายทองคำสัมบูรณ์ หากเฒ่าคนนี้เดาไม่ผิด?”
เย่หยวนที่ได้ยินเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาเช่นกันพร้อมด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ผู้อาวุโสท่านช่างมีดวงตาที่เฉียบคม ท่านเดาถูกแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...