จอมเทพโอสถ นิยาย บท 1979

ต่อให้เทพสวรรค์นั้นจะตายลงไปยาวนานเพียงใดแม้จะยาวนานนับหมื่นๆ ปีซากร่างของเขานี้มันก็ยังส่องแสงกระจ่างจ้าพร้อมด้วยคลื่นพลังอันมหาศาลที่หลั่งไหล

กระดูกทองนี้มันทำลายไม่ได้และไม่มีวันเสื่อมสลาย

“ช่างเป็นคลื่นพลังที่รุนแรง เทพสวรรค์ผู้นี้คงเข้าใกล้อาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์มากก่อนจะตายแน่” ซงหยูบอก

เย่หยวนพยักหน้าออกมา “เหล่ามารกระดูกนั้นมันคงได้รับอิทธิพลพลังจากซากร่างเทพสวรรค์นี้ทำให้มันได้เติบโตขึ้นมาด้วยเต๋าของเขาและพัฒนาตนขึ้นจนถึงระดับนั้นได้ พวกซัวโม่ทั้งหลายที่คิดอยากได้ซากร่างของเทพสวรรค์นี้จึงทำให้พวกมันทั้งหลายโกรธแค้นอย่างบ้าคลั่ง”

กั๋วจิงหยางหัวเราะขึ้น “พวกมันล่อมารกระดูกไปจนสิ้น ทำให้เราได้ประโยชน์มหาศาล ทั้งเต๋าและพลังงานที่เทพสวรรค์ผู้นี้หลงเหลือไว้มันย่อมมากพอที่จะส่งพวกเราพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อีกหลายระดับ”

ซากของเทพสวรรค์นี้มันมีพลังงานวิญญาณอัดแน่นอยู่มากที่สำคัญมันยังมีพลังที่จะช่วยในการบ่มเพาะปราณเทวะช่วยให้เข้าใจเส้นทางของเต๋าสวรรค์ ทำให้การฝึกฝนวิชาใดๆ ง่ายดายขึ้นเป็นเท่าตัว

หากถามว่าอะไรคือสุดยอดแห่งโชคลาภ?

มันก็ย่อมต้องเป็นสิ่งนี้! นี่แหล่งคือสุดยอดแห่งโชคลาภ!

ในสนามรบเทพโบราณนี้มันมียอดฝีมือไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ที่ต้องตายตกลง

ต่อให้มันจะเป็นแค่เศษซากพลังของพวกเขาทั้งหลายนั้นมันก็มากพอจะเป็นประโยชน์ให้พวกเขาไปได้ทั้งชีวิต

“ข้ารู้สึกว่าซากร่างเทพสวรรค์นี้มันควรเป็นของพี่เย่ที่สุด เพราะระหว่างทางมานั้นหากไม่มีเขาแล้วพวกเราคงได้ตายกันไปไม่รู้กี่ครั้ง” หูเฟยบอก

นั่นทำให้ทางซงหยูแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาแต่หลังจากคิดอยู่อีกนานสองนานในที่สุดเขาก็พยักหน้ารับ “ที่เขาว่ามาก็ถูก พี่เย่ เจ้าเอาซากร่างเทพสวรรค์นี้ไปเถอะ”

สมบัติอยู่ตรงหน้าเช่นนี้จะบอกว่าไม่อยากได้มันก็คงเป็นคำโกหก แต่พวกเขานั้นย่อมรู้ตัวดีว่าหากไม่มีเย่หยวนแล้วพวกเขาก็ย่อมจะไม่มีทางได้มาเจอมันแค่แรก

ระหว่างทางมาเย่หยวนนั้นเป็นคนที่ทำงานหนักที่สุด แต่ยังกลับแบ่งสมบัติให้ทุกคนเท่าๆ กัน

เย่หยวนยิ้มขึ้น “คนที่เห็นมันย่อมมีสิทธิ์จะได้มัน ให้ข้าเก็บมันไปคนเดียวจะได้อย่างไรกันเล่า? ซากร่างเทพสวรรค์นี้ทุกคนต้องแบ่งกันให้เท่าเทียม”

ซงหยูนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้ยิน “พี่เย่ไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่? ซากร่างของเทพสวรรค์เช่นนี้มันหายากยิ่งเสียกว่าสมบัติวิญญาณเทพสวรรค์เสียอีกนะ แล้วที่สำคัญเราจะแบ่งกันอย่างไร?”

เย่หยวนยิ้มตอบ “เราแบ่งไม่ได้ แต่มีคนแบ่งให้เราได้!”

ทุกผู้คนนั้นต่างไม่เข้าใจในความหมายนั้นแต่ระหว่างที่ยังไม่มีใครเข้าใจอะไรเย่หยวนก็เดินเข้าไปหาซากร่างนั้นเสียแล้ว

จากนั้นเขาก็หยิบกระดูกนั้นขึ้นมาและเริ่มทำการหลอมมันในทันที

‘ตูม!’

ในเวลานั้นเองที่เกิดคลื่นพลังวิญญาณอันมหาศาลพุ่งทะยานออกมาจากซากร่างเทพสวรรค์นั้น

“ฮ่าๆ! เฒ่าคนนี้ติดอยู่ภายในมานับหมื่นๆ ปี! วันนี้จะได้เห็นแสงตะวันอีกครั้งแล้ว! เด็กน้อย เพื่อเป็นการตอบแทนเจ้า เจ้าจะได้กลายเป็นร่างเนื้อให้เฒ่าผู้นี้!”

เมื่อได้เห็นเงาร่างของคนแก่นั้นพวกซงหยูทั้งหลายก็หน้าถอดสีขาวซีดลงทันที

“เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์! เทพสวรรค์ผู้นี้กลับแฝงเสี้ยววิญญาณของตนไว้ในซากร่าง!” ซงหยูร้องบอก

“พี่เย่ระวัง!” กั๋วจิงหยางและพวกร้องบอกด้วยใบหน้าขาวซีด

คลื่นพลังของเสี้ยววิญญาณนี้มันสุดแสนที่จะรุนแรงจนทำให้จิตศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาทั้งหลายนั้นสั่นสะท้าน

เพราะเดิมทีเทพสวรรค์นั้นก็เป็นสุดยอดตัวตนของโลกใบนี้อยู่แล้ว

พลังของพวกเขานั้นมันยากที่จะเข้าใจได้

เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าเสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์เช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่อาจจะต้านทานใดๆ ได้เลย

เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดที่จะหนีใดๆ มาตั้งแต่แรก เขาต้องมองใบหน้าของร่างวิญญาณนั้นและกล่าว “ผู้อาวุโส ข้าต้องขอลำบากท่านแบ่งซากร่างนี้เป็นห้าส่วนให้ด้วยแล้ว”

เทพสวรรค์ผู้นั้นกำลังตื่นเต้นดีใจที่จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำของเย่หยวนเขาจึงได้แต่หันมามองอย่างมึนงง

เจ้าเด็กคนนี้มันไม่มีสมองหรือ?

ตอนนี้เฒ่าคนนี้กำลังจะเข้าสิงร่างเจ้าแล้ว!

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ตัวเขาเท่านั้นแต่พวกซงหยูทั้งหลายเองก็มึนงงไม่แพ้กัน

เย่หยวนกำลังคิดจะทำอะไร?

เรื่องราวมันไม่ควรเป็นเช่นนี้!

หรือว่าเย่หยวนนั้นจะกลัวเสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นี้จนไม่อาจคิดใดๆ ได้อีกแล้ว?

“เด็กน้อย เทพสวรรค์ผู้นี้กำลังจะสิงร่างเจ้าแล้ว เจ้าไม่เข้าใจหรือ?”

เสี้ยววิญญาณเทพสวรรค์นั้นแสดงสีหน้ามึนงงออกมา

เจ้าเด็กคนนี้ดูอย่างไรมันก็ไม่น่าจะใช่คนโง่เง่าไร้สมอง!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ