“โอ้? ว่ามาสิ!” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ตอบกลับไป
“ตอนที่เย่หยวนผู้นั้นรับดาบของเทพสวรรค์ห่าวหยูไปตัวเย่หยวนกลับทำให้เทพสวรรค์ห่าวหยูต้องเร่งพลังของตนขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้เก้าดาวจึงจะหยุดพ้นจากมือของเย่หยวนได้ หลังจากนั้นตัวเย่หยวนนั้นยังดูเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและมุ่งหน้าไปยังถ้ำไม้ยี่เข่งด้วยตัวคนเดียว”
เจียนหยุนซินนั้นรู้เรื่องราวของเย่หยวนอย่างละเอียด
เมื่อทางจักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ได้ยินเช่นนั้นตัวเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตะลึงออกมา
“พลังของเทพถ่องแท้เก้าดาว? ช่างเหนือล้ำอะไรเช่นนี้! ต่อให้เป็นจักรพรรดิผู้นี้เองตอนที่อยู่ในระดับนั้นข้าก็ยังไม่เก่งกาจเท่าเขา เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นจอมเทพมาจากที่ไหนกัน? แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลงของนิสัยเช่นนั้นมันย่อมจะหมายความถึงจุดอ่อนของวรยุทธ์บ่มเพาะแล้ว ที่สำคัญมันยังมิใช่ปัญหาเล็กน้อย เรื่องที่ว่าวันหน้าตัวเขาจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่นั้นมันล้วนแล้วไม่มีสิ่งใดแน่นอน” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้กล่าวขึ้นด้วยความชื่นชม
เจียนหยุนซินพยักหน้ารับ “เด็กคนนี้ช่างลึกลับแต่หากท่านพ่อคิดสนใจตัวเขาจริงๆ เหตุใดไม่ลองทำนายดวงชะตาเขาดูเล่า?”
จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหัวเราะลั่นออกมา “เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้ลองทำนายดูหรือ? เด็กคนนี้มันไม่สามารถอ่านชะตาใดๆ ได้เลย!”
เจียนหยุนซินนั้นเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
“เอาล่ะ เรื่องราววันนี้ให้จบลงเท่านี้ อีกไม่นานโลกคงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หวังว่าตระกูลเจียนเราจะสามารถรอดพ้นมันไปได้อย่างปลอดภัย” จักรพรรดิเทพสวรรค์เฉียนจี้ถอนหายใจยาวพร้อมยกมือขึ้นไขว้หลัง
…
ภายในตึกวาโยบริสุทธิ์ตอนนี้เจียนซู่เทากำลังจ้องมองดูพวกเย่หยวนทั้งห้าอย่างตกตะลึง
เพราะการเดินทางจากสนามรบเทพโบราณในครั้งนี้ เด็กแห่งโชคชะตาจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศของเขากลับสามารถรอดกลับมาได้กว่าครึ่ง!
ในครั้งที่ผ่านๆ มานั้นหากรอดมาได้สองถึงสามคนมันก็นับว่าดีมากแล้ว
การที่จะถูกล้างบางจนสิ้นเองก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด
เพราะการเปิดขึ้นของสนามรบเทพโบราณในครั้งนี้เองหลายยอดเมืองหลวงจักรพรรดิก็ไม่ได้มีเด็กแห่งโชคชะตารอดกลับไปแม้สักคน
แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้แค่กลับมาได้ถึงห้าคน แต่ว่าในคนทั้งห้านี้แต่ละคนยังมีการพัฒนาที่เหนือล้ำเลิศอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซงหยูที่ตอนนี้ได้ขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวขั้นสุดแล้ว
คนอื่นๆ เองก็บรรลุขึ้นอาณาจักรเทพถ่องแท้สี่ดาวกันสิ้น!
แม้แต่เย่หยวนที่เดิมทีมีพลังต่ำสุดก็ยังพัฒนาขึ้นมาได้ถึงสองดาว
จะบอกว่าเป็นสุดยอดของฉากจบที่สมบูรณ์แบบก็ยังได้
“ดูท่าพวกเจ้าทั้งหลายคงได้โชคลาภจากสนามรบเทพโบราณกันมามากทีเดียว!” เขียนซู่เทาทักขึ้น
ซงหยูยิ้มรับทันที “ทั้งหลายทั้งสิ้นมันล้วนต้องขอบคุณพี่เย่ หากไม่ใช่เพราะเขาแล้วพวกเราทั้งหลายคงได้ตายอย่างไม่มีหลุมกลบฝัง อ่า…จริงด้วย ก่อนที่เราจะกลับมานั้นท่านจักรพรรดิเทพสวรรค์ท่านได้บอกมาว่าให้ท่านเจ้าเมืองช่วยเราดูชะตาว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ท่านเจ้าเมืองจะรังเกียจหรือไม่?”
เจียนซู่เทาพยักหน้ารับทันที “ย่อมได้สิ”
พูดไปเขาก็เดินปราณขึ้นมาใช้ศาสตร์การดูรัศมีแก่พวกซงหยูทั้งหลาย
แน่นอนว่าเขาต้องเว้นตัวเย่หยวนไว้
เพราะเขานั้นไม่กล้าจะมอง
ตอนที่ยังไม่มองก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอได้เห็นรัศมีตรงหน้าแล้วเขาถึงกับต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย
เมื่อพวกซงหยูได้เห็นสีหน้าของเจียนซู่เทาเขาก็ถามขึ้นทันที “มีอะไรหรือท่านเจ้าเมือง?”
เจียนซู่เทาได้แต่เดาะลิ้นอย่างไม่คิดอยากเชื่อ “แปลก! แปลกจริง! เดินทางไปสนามรบเทพโบราณครั้งนี้พวกเจ้าทั้งหลายกลับเลื่อนขึ้นมาเป็นรัศมีผ่าจักรพรรดิสิ้น? ขอข้าดูอีกทีเถอะ”
พูดไปเขาก็เดินปราณขึ้นมาใช้ศาสตร์การดูรัศมีอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะดูมุมไหนคนทั้งสี่นี้ก็ได้บรรลุขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิมาแล้วจริงๆ
มันเหนือล้ำคำว่าสุดยอดไปมาก! เพราะในยอดเมืองหลวงจักรพรรดินี้กลับเกิดรัศมีผ่าจักรพรรดิขึ้นมาถึงสี่คน มันเป็นอะไรที่สุดแสนจะแปลกประหลาด
ส่วนทางพวกซงหยูนั้นพวกเขาต่างตกตะลึงและตื่นเต้นดีใจ
ซงหยูนั้นเดิมทีมีรัศมีจักรพรรดิขั้นสุดอยู่แล้ว เป็นตัวตนที่อยู่ห่างจากรัศมีผ่าจักรพรรดิเพียงเอื้อม
การจะบรรลุขึ้นมานั้นมันย่อมมิใช่เรื่องแปลกประหลาด
แต่คนอื่นๆ ที่เหลือนั้นมันทำให้เจียนซู่เทาตกตะลึงมาก
และแน่นอนว่าเหล่าเจ้าตัวเองก็ตกตะลึงไม่น้อย
เพราะในหมู่คนทั้งสาม กั๋วจิงหยางและหม่าฉางนั้นมีรัศมีจักรพรรดิขั้นปลาย ส่วนหูเฟยนั้นมีเพียงรัศมีจักรพรรดิขั้นกลาง
ใครจะไปคิดไปฝันว่าหูเฟยคนนี้จะสามารถบรรลุขึ้นรัศมีผ่าจักรพรรดิมาได้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...