“ฮ่าๆ! ยินดีกับพี่หงเซียวด้วยที่ก้าวขึ้นไปถึงอาณาจักรเทพสวรรค์แล้ว ช่างน่ายินดีเสียจริงๆ!”
เมื่อเย่หยวนหงเซียวกลับสามารถขึ้นมากลายเป็นเทพสวรรค์ได้แล้ว
“หึๆ อย่าได้มาหยอกล้อคนเฒ่าคนแก่เลยน้องข้า การขึ้นมาเป็นเทพสวรรค์นี้มันล้วนแล้วแต่เพราะเจ้าทั้งสิ้น!” เจียนหงเซียวหัวเราะตอบกลับมา
สภาพของเจียนหงเซียวในตอนนี้มันเปี่ยมไปด้วยพลัง ดูแตกต่างจากตอนที่เย่หยวนพบเจอเขาเป็นครั้งแรกอย่างมาก
เพราะผลการสะท้อนจากเต๋าใดๆ นั้นมันถูกเยียวยารักษาจนหายสิ้นแล้วทั้งยังสามารถบรรลุขึ้นอาณาจักรเทพสวรรค์มาได้มันย่อมทำให้อายุขัยของเขานั้นยืดยาวออกไปอีกมาก
ตัวเจียนหงเซียวในตอนนี้มันมิใช่เพียงแค่เจ้าศาลามายาล้ำแห่งเมืองจักรพรรดิเลิศประกายน้อยๆ นั้นอีกแล้ว
เมื่อได้เห็นเจียนหงเซียวเช่นนั้นเย่หยวนเองก็ย่อมจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจอยู่เต็มอก
“พี่หงเซียวนั้นไม่ได้แค่กลับมาหายดีแต่ยังพัฒนาตัวเองก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้ เย่ผู้นี้ได้เห็นก็สบายใจ ที่ข้ามาหาพี่วันนี้อย่างแรกก็เพื่อจะมาเยี่ยมเยียน ส่วนเป้าหมายอีกอย่างนั้นก็คือการจะมาบอกลาพี่หงเซียว” เย่หยวนยิ้มตอบ
เจียนหงเซียวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตอบกลับมาด้วยใบหน้าตื่นตกใจ “หืม? เจ้าจะไปแล้วหรือ?”
เย่หยวนตอบกลับไป “ทางด้านเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นก็ยังไม่สงบสุขเรียบร้อยดี ข้ายังวางใจใดๆ ไม่ได้มากมาย ตอนนี้จึงคิดจะกลับไปดูให้มันเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”
เจียนหงเซียวเองที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาในหัวใจ เพราะแม้ว่าเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์จะยังไม่สงบเรียบร้อยดีแต่เย่หยวนก็ยังสละเวลารีบมุ่งหน้ามาเพื่อช่วยตอบแทนบุญคุณ
เพื่อตัวเขาแล้วเย่หยวนนั้นไม่คิดที่จะลังเลเลยอมเข้าสนามรบเทพโบราณไปจนต้องพบเจอเรื่องราวเฉียดเป็นเฉียดตาย
เจียนหงเซียวนั้นเข้าใจอยู่เต็มอก แม้ว่าเย่หยวนจะสามารถบรรลุสองดาวขึ้นมาได้ในการเดินทางไปสนามรบเทพโบราณนี้แต่มันก็ไม่ได้มีแต่ด้านดีๆ เพราะหากพลาดพลั้งไปเพียงนิดชีวิตของเขาคงต้องหาไม่
ตัวเขาที่เคยยืนอยู่ในตำแหน่งผู้อาวุโสแห่งวังดาราย่อมจะรู้ดีว่าสนามรบเทพโบราณนั้นมันเป็นสถานที่สุดแสนอันตรายเพียงใด ต่อให้ทั้งกลุ่มจะถูกล้างบางสังหารสิ้นก็มิใช่เรื่องแปลกในประวัติศาสตร์ของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิชะตาเลิศนี้
เจียนหงเซียวนั้นได้แต่ถอนหายใจยาว “ข้าจะไม่รั้งเจ้าไว้หรอก แต่เมื่อใดที่ข้าว่างข้าย่อมจะแวะเวียนไปเยี่ยมเจ้าที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์แล้ว”
เย่หยวนยกมือขึ้นคารวะด้วยรอยยิ้ม “พี่หงเซียวพูดแล้วอย่าได้ลืมเชียว”
…
ภายในจวนเจ้าเมืองของเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นกำลังมีสองชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาว สามคนหนุ่มสาวนั่งสง่าอยู่สูง
ที่ด้านล่างนั้นคือเจ้าเมืองโซชูเจีย เล่งหยูและพวกที่นั่งก้มหน้าลงกราบแทบพื้น
ชายหนุ่มคนทางซ้ายพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก “โซชูเจีย สิบเมืองสันเขาใต้ของพวกเจ้านั้นกลับกล้ากล่าวประกาศอิสระคิดแยกตัวจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์เรา เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน?”
ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าเติ้งเหว่ยเป็นยอดอัจฉริยะคนหนึ่งของตระกูลเติ้งแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์
หากนับกันแค่ในยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์แล้วตัวเขานี้คงนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่ง
ส่วนชายหนุ่มที่ด้านขวานั้นมีนามว่าไต้หยาง เป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลไต้แห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์
ส่วนแม่นางรูปงามคนตรงกลางนั้นเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของจวนเจ้าเมืองแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นามหลู่ซือยี
และอัจฉริยะของสามค่ายกำลังแห่งยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นกลับกำลังมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์
เมื่อได้พบเจอคนทั้งสามนี้ต่อหน้าโซชูเจียย่อมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
คนทั้งสามนี้คือตัวแทนของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์ที่มาเพื่อประกาศโทษแก่พวกเขา
ตอนนี้เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นมันเรียกได้ว่ากำลังแยกตัวออกจากการปกครองของยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์และประกาศอิสรภาพอ้างสิทธิ์ปกครองตนเอง
แล้วมีหรือที่ทางยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นจะยอมทนให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นได้
เมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์นั้นใช่สถานที่อย่างเมืองจักรพรรดิเลิศประกายที่จะไม่มีใครกล้ามาตอแยด้วย
โซชูเจียนั้นคิดไปว่าสิบเมืองสันเขาใต้นี้มันห่างไกลจากศูนย์อำนาจ พวกเขาทั้งหลายจากยอดเมืองหลวงจักรพรรดิห้าสวรรค์นั้นไม่น่าจะเสียเวลามายุ่งเกี่ยวใดๆ ให้เสียเวลา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...