จนถึงทุกวันนี้ตัวเฉินหยานก็ยังรู้สึกราวกับว่าฝันไป
หมู่บ้านตระกูลเฉินของเขานั้นกลับกลายเป็นหมู่บ้านอาณาจักรพระเจ้าไป!
แม้แต่เหล่าเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทั้งหลายก็ยังก้าวขึ้นมาสู่อาณาจักรพระเจ้าได้หลังได้รับโอสถจากเย่หยวน
มือคู่นี้ของเย่หยวนมันเหมือนเป็นมือของเทพเจ้าที่สร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้อย่างไร้ความยากลำบากใด
อาณาจักรพระเจ้าทั้งหลายนั้นเดิมทีมันอยู่สูงเหนือหัวล้ำ แต่เย่หยวนนั้นกลับสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร้ปัญหาใด
และในเวลานี้แม้แต่เจ้าเมืองเมฆานทีก็ยังต้องมายืนรออยู่หน้าหมู่บ้านอย่างเคารพ ไม่กล้าที่จะวางท่าเข้ามาในหมู่บ้านแต่อย่างใด
นี่มันคือเจ้าเมืองเมฆานที ยอดฝีมือระดับอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า!
อาณาจักรบรรพชนพระเจ้านั้นเดิมทีมันเป็นตัวตนที่สูงล้ำอย่างที่คนหมู่บ้านตระกูลเฉินไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง
แต่เวลานี้คนเช่นนั้นกลับมายืนรออยู่นอกหมู่บ้านอย่างนอบน้อม
เฉินหยานก็ยกมือขึ้นผลักประตูเข้ามาพร้อมหายใจสูดเข้าลึก เวลาในภายในห้องนั้นเย่หยวนกำลังนั่งอ่านหนังสือตำราวิชาการโอสถทั้งหลายด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“อาหนิง!” เฉินหยานร้องทักทายขึ้น
เย่หยวนที่ได้ยินก็รีบวางหนังสือที่ถืออยู่ลงก่อนจะยิ้มทักกลับไป “ปู่หยาน”
เฉินหยานยิ้มพร้อมยกมือขึ้นมาโบกปัดบอกห้ามเย่หยวนไว้ว่าไม่ต้องลุก “อ่า อาหนิง หนังสือตำราที่เฒ่าคนนี้เก็บไว้มันคงไม่มีประโยชน์ใดๆ กับเจ้ามากมายใช่หรือไม่?”
เย่หยวนส่ายหัวออกมาเมื่อได้ยิน “แม้ว่าหนังสือของปู่นั้นจะมีจุดที่ผิดพลาดไปมากแต่ข้าก็ยังได้เรียนรู้จากมันมากมาย อืม… หนังสือพวกนี้ข้าได้เขียนแก้จุดที่ผิดไว้แล้ว”
เรื่องของหนังสือตำราวิชาโอสถทั้งหลายนี้เย่หยวนย่อมจะแค่อ่านผ่านตาก็เข้าใจมันได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่มีอาการมึนงงใดๆ ทั้งสิ้น
ดูเหมือนว่าเย่หยวนนั้นจะนึกย้อนกลับไปถึงอดีตตัวเองได้จากการอ่านพวกมัน
เฉินหยานนั้นรับหนังสือที่เย่หยวนบอกมาและต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย
เพราะเวลานี้เขาได้เห็นตัวหนังสือเขียนแก้ไขมากมายบนตำราที่ตัวเองได้เก็บไว้
คำสั้นๆ ที่เย่หยวนเขียนไว้นี้มันกลับได้ทำให้ความมึนงงที่เขามีมาตลอดหลายปีกระจ่างในพริบตา
เมื่อได้ลองอ่านๆ ดูอีกหลายบรรทัดเขาก็รู้สึกราวกับว่าเรื่องราวบนโลกมันปรากฏชัดขึ้นมาถนัดตา
คำแก้แค่ไม่กี่ประโยคของเย่หยวนนี้มันแจ่มชัดทรงความรู้มากกว่าเนื้อหาของหนังสือนี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
เฉินหยานนั้นมั่นใจได้ว่าเย่หยวนนั้นต้องมีความรู้มากกว่าคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอย่างน้อยๆ ก็พันเท่าหรืออาจจะถึงหมื่นเท่า!
“เข้าใจ! กระจ่าง! อาหนิง ในอดีตนั้นเจ้าคงต้องเป็นยอดเทพโอสถผู้เก่งกาจเป็นแน่!” เฉินหยานร้องบอกอย่างประทับใจ
เย่หยวนจึงได้แต่ต้องยิ้มรับคำชม “ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือการหลอมโอสถใดข้าก็รู้สึกคุ้นเคยกับมันจนไม่อยากเชื่อตัวเอง ราวกับว่าชีวิตข้าเกิดขึ้นมาเพื่อทำมัน อ่า จริงด้วยสิปู่หยาน ท่านมาหาข้าคงมีธุระใดแล้ว?”
เป็นตอนนั้นเองที่เฉินหยานสะดุ้งตัวขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้มเขินๆ “เกือบลืมเรื่องสำคัญไปแล้วเชียว! เวลานี้เจ้าเมืองเมฆานทีได้รับรู้เรื่องราว ท่านจึงได้นำพาผู้นำตระกูลทั้งห้ามายังหมู่บ้านเราเพื่อที่จะขอพบกับเจ้า เวลานี้พวกเขากำลังรออยู่ที่หน้าหมู่บ้านอย่างนอบน้อม”
เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องผงะไป “มาหาข้าหรือ?”
เฉินหยานจึงได้แต่ต้องยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “หมู่บ้านตระกูลเฉินเรานั้นได้กลายเป็นหมู่บ้านอาณาจักรพระเจ้าไปแล้ว เวลานี้เรื่องราวมันกระจายไปทั่วดินแดน ไม่แปลกหรอกที่ท่านเจ้าเมืองจะรู้ถึงเรื่องราวด้วย ตำแหน่งสถานะของจอมเทพโอสถนั้นมันยิ่งใหญ่ ดูท่าเขาคงมาเพื่อขอให้เจ้าช่วยหลอมโอสถให้แล้ว”
เย่หยวนหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้นข้าจะออกไปพบเขา”
…
เมื่อหวงเหว่ยและผู้นำตระกูลทั้งหลายได้เห็นเย่หยวนพวกเขาก็ต้องยืนนิ่ง
เพราะคนที่สร้างหมู่บ้านอาณาจักรพระเจ้าขึ้นมาในชั่วข้ามคืนนี้มันกลับเป็นคนที่ไม่มีแม้แต่ปราณเทวะหรือ?
เขานั้นได้แต่ต้องหันไปหาเฉินหยานด้วยสีหน้าสงสัย คิดในใจว่าเจ้าหมอนี่มันหลอกลวงผู้คนหรือไม่
เฉินหยานนั้นย่อมจะเข้าใจสายตานั้นได้และรีบพูดอธิบายออกมาทันที “ท่านเจ้าเมือง อาหนิงนั้นใช้ค่ายกลดึงพลังงานฟ้าดินมาหลอมโอสถได้โดยตรงไม่ต้องใช้หม้อหลอมหรือปราณเทวะใดๆ ทั้งสิ้น”
หวงเหว่ยสั่นสะท้านไปทั้งกายเมื่อได้ยิน “ซี๊ด… ใช้ค่ายกลหลอมโอสถ!”
คนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องหันไปมองหน้ากันก่อนจะหันมาก้มหัวคารวะเย่หยวนลงพร้อมๆ กัน “เจ้าเมืองเมฆานทีนามหวงเหว่ยขอคาระท่านอาจารย์หนิง!”
เย่หยวนเองก็ก้มหัวลงรับ “นายท่านถ่อมตัวไปแล้ว”
หวงเหว่ยจึงกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าผู้นี้คิดมาด้วยเหตุใดข้าว่าท่านอาจารย์หนิงคงเข้าใจดี แต่… จะอย่างไรข้าก็อยากจะเห็นโอสถของท่านอาจารย์เสียหน่อย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...