“ซี๊ด… โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดขั้นเทวะวิญญาณมรณา!”
เจียงซือนั้นได้แต่ต้องสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้เห็นโอสถในมือนั้น
โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดขั้นเทวะวิญญาณมรณา แม้แต่ตัวเขาก็ไม่เคยพบเจอมันมาก่อน
โอสถนี้มันมีค่ามากจนเกินไป!
“สหายหนุ่มเย่ ห-หรือว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ของโอสถบรรพกาลกัน?” เจียงซือถาม
เพราะยิ่งคิดไปเขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นไปได้
เย่หยวนนั้นไม่ได้คิดสนใจใดๆ ธนูสาบานสังหารเทพและยังมีวิชาการรักษาที่เหนือล้ำและพกโอสถขั้นเทวะวิญญาณมรณาติดตัว!
อายุก็ยังน้อยแต่กลับก้าวขึ้นมาถึงอาณาจักรเทพสวรรค์ได้
นอกจากศิษย์ของโอสถบรรพกาลแล้วมันจะยังมีใครทำได้เช่นนี้?
แต่เขานั้นไม่ได้คิดว่าเย่หยวนมีปัญญาจะหลอมโอสถขั้นเทวะวิญญาณมรณาด้วยตัวเอง เขานั้นแค่คิดว่าเย่หยวนคงได้มันมาจากเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลตน
แต่เย่หยวนที่ได้ยินก็ต้องหันมามองด้วยสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะกล่าว “ศิษย์ของโอสถบรรพกาล? หึๆ เวลานี้เขาคงกำลังคิดหาวิธีจัดการข้าทิ้งอยู่มากกว่าล่ะมั้ง?”
เจียงซือนั้นผงะไปทันทีที่ได้ยิน เพราะคำพูดนี้มันดูแฝงมาด้วยความไม่พอใจไม่น้อย!
มันมิใช่ว่าเจียงซือนั้นเป็นคนไม่รู้เรื่องราวทางโลกใดๆ เพียงแค่ว่าตำแหน่งของเขามันสูงเกินกว่าที่จะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยบนโลกหล้าจึงไม่เคยได้ยินนามของเย่หยวนมาก่อน
และที่สำคัญไปกว่านั้นคือหลายปีมานี้เขาได้ตามหาโอกาสที่จะช่วยให้เขาผ่านทุกข์ทลายไปได้ ทำให้ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องข่าวของโลกเบื้องล่างในแดนใต้ใดๆ
ไม่เช่นนั้นแล้วหากเคยได้ยินนามของเย่หยวน ใครๆ ก็คงพอเดาออก
“มิใช่ศิษย์ของโอสถบรรพกาล? เช่นนั้นเจ้า…” เจียงซือถามขึ้นด้วยสีหน้าลังเล
เย่หยวนตอบกลบัไป “เอาเป็นว่าข้าคือศัตรูในอนาคตของเขาก็แล้วกัน”
‘อย่าถาม’ นั้นมันเป็นสิ่งที่โอสถบรรพกาลสร้างขึ้นมา
เย่หยวนรู้ได้ว่าวันหนึ่งเขาจะต้องปะทะกับโอสถบรรพกาลผู้นี้เข้าแน่ๆ
มุมปากของเจียงซือที่ได้ยินต้องกระตุกขึ้นมา รู้สึกลึกๆ ในใจว่าเย่หยวนนั้นกำลังพูดจาอวดตัว
โอสถบรรพกาลนั้นคือตัวตนระดับเทพเจ้าในมหาพิภพถงเทียนนี้
เต๋าโอสถของเขานั้นคือที่หนึ่ง!
มียอดอัจฉริยะมากมายปานใดที่คิดตั้งเขาไว้เป็นเป้าหมาย? แต่สุดท้ายมีใครบ้างที่ขึ้นไปถึง
แน่นอนว่าเย่หยวนเองก็เช่นกัน
เจียงซือได้แต่หัวเราะแห้งๆ ตอบกลับมา “ฮ่าๆ ขอบคุณสหายหนุ่มเย่ที่ช่วยเหลือชีวิต”
เย่หยวนย่อมเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่ก็ไม่ได้คิดอธิบายเรื่องราวให้มากความ แต่ในเวลานั้นเองที่สีหน้าของเขาต้องเปลี่ยนสีรีบพาตัวเจียงซือและขวังต้าวมุดห้วงมิติหนีหายไปจากถ้ำ
…
ก่อนหน้านั้น
เทียนหยานนั้นได้นำพาคนทั้งสองมาจนถึงใกล้ถ้ำที่เย่หยวนซ่อนตัวอยู่ในปัจจุบัน
“เดี๋ยว!” เทียนหยานกล่าว
ซุ่ยหยวนและกู้หวนจึงหยุดตัวลง
เทียนหยานได้แต่ต้องหัวเราะขึ้นมา “มันมีพลังปิดกั้นทั่วบริเวณไปหมด หากเจ้าไปแตะมันโดนเข้าแล้วเจ้าเด็กคนนั้นก็จะรู้ถึงมันได้ทันที!”
ซุ่ยหยวนนั้นตอบกลับมาอย่างไม่คิดสนใจ “รู้ก็รู้ไปสิ แค่เทพสวรรค์มันจะหนีเราพ้น?”
แต่ทางเทียนหยานนั้นกลับดุว่าออกมา “เจ้าเด็กคึนนั้นมันพาคนเจ็บหนีมาได้ในระยะปานนี้ด้วยเวลาสั้นๆ ทั้งยังวางค่ายกลซับซ้อนไว้ตลอดทาง เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?”
ซุ่ยหยวนที่ได้ยินก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกาย เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาได้รู้ถึงความไม่รอบคอบของตนเอง
สำหรับเทพสวรรค์ทั่วๆ ไปแล้ว การจะทำเรื่องเช่นนั้นมันย่อมไม่มีทางทำได้ในเวลาสั้นๆ
เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมีอะไรพิเศษ!
“เช่นนั้น… แล้วเจ้าเด็กคนนี้มันทำได้อย่างไร?” ซุ่ยหยวนถาม
เทียนหยานจึงตอบกลับไปด้วยท่าทางเหนื่อยใจ “หากข้าเดาไม่ผิดมันคงมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำ! จากระยะที่มันหนีมาได้นี้ข้าว่าอย่างต่ำๆ ก็คงระดับหกขั้นสุด!”
ซุ่ยหยวนและกู้หวนต้องหันมามองหน้ากันทันทีอย่างตื่นตะลึง แนวคิดแห่งห้วงมิติในระดับนั้นแค่คิดคนผู้นั้นก็คงหนีไปได้ไกลนับแสนๆ กิโลเมตร
ด้วยความเร็วของอาณาจักรเจ้าฟ้าดินแล้ว การจะตามให้ทันมันก็คงมิใช่เรื่องง่ายดายนัก
“โชคยังดีที่เราเชิญสหายเทียนหยานมาด้วย ไม่เช่นนั้นเราทั้งสองคงไม่อาจทำอะไรได้เลยเป็นแน่!” ซุ่ยหยวนกล่าว
เทียนหยานจึงยิ้มรับ “ทีนี้เจ้าคิดว่าข้าทำงานคุ้มค่าจ้างหรือไม่เล่า?”
คนทั้งสองได้แต่ต้องพยักหน้ารับออกมาเพราะเวลานี้พวกเขายอมรับอย่างสุดใจแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...