แต่เย่หยวนนั้นกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ นั้นและเข้าสู่สภาวะอันแปลกประหลาด
ระหว่างทางที่เดินขึ้นมานี้เขามีแต่จะเข้าใจเรื่องราวของโลกหล้ามากขึ้น
เพราะเวลานี้จิตของเขามันได้ผสานเข้าเป็นหนึ่งกับกฎของเขาแห่งถงเทียนไปแล้ว
เวลานี้ในสายตาของเย่หยวนนั้นเขาแห่งถงเทียนนั้นไม่ได้เป็นแค่เขาแห่งถงเทียนอีกต่อไป มันกลายเป็นจุดปมของเส้นสายอันหนามากมายหลายเส้น
เจ้าเส้นอันหนาใหญ่ทั้งหลายนี้มันแผ่ไปทั่วทั้งมหาพิภพถงเทียนก่อนจะแยกย่อยลงเป็นเส้นบางๆ
เจ้าเส้นบางทั้งหลายนั้นจะค่อยๆ แผ่ออกไปจนปกคลุมครอบทุกสิ่งอย่างสิ้น
เย่หยวนนั้นผสานจิตของตนลงกับเต๋าจนได้เห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน
เจ้าเส้นหนาและเส้นบางทั้งสองนี้มันเหมือนกับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำงานตามกฎบางอย่าง
ตัวมหาพิภพถงเทียนทั้งหมดนี้มันเหมือนเป็นดั่งเครื่องจักรที่ทำงานอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุด
โดยที่มีเขาแห่งถงเทียนนี้เป็นศูนย์กลางให้พลังงานเครื่องจักรนี้
เขาแห่งถงเทียนนั้นทำงานได้ด้วยตัวเอง ก่อนที่มันจะส่งคำสั่งไปให้แก่มหาพิภพถงเทียนทั้งหมดทำงานตามนั้น
ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายเช่นนี้
“เส้นหนาทั้งหลายนี้คงเป็นต้นกำเนิดเต๋าแล้ว? ส่วนเส้นบางทั้งหลายคงเป็นพลังเต๋าที่กระจายออกไปกลายเป็นแนวคิดต่างๆ นาๆ!”
“ต้นกำเนิดพลังนี้มันคือสิ่งที่ทำให้มหาพิภพถงเทียนดำเนินต่อไปได้ ควบคุมทุกชีวิตไว้สิ้นและยิ่งเข้ามาใกล้แหล่งกำเนิดพวกมันก็จะยิ่งยุ่งเหยิง ด้วยความสามารถของข้าในเวลานี้คงไม่อาจจะทำความเข้าใจพวกมันทั้งหลายนี้ได้เลย”
“แต่ว่า… ข้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจพวกมันเลย เพราะโลกของข้ามันย่อมจะเกิดขึ้นด้วยตัวข้าเอง!”
“ขึ้นมาจนถึงระดับจักรพรรดิเทพสวรรค์นั้นย่อมจะอยู่เหนือล้ำโลก ตัดสินได้ว่าโลกนั้นมันควรถูกสร้างขึ้นอย่างไร!”
…
เย่หยวนได้เข้าใจทุกสิ่งอย่างขึ้นอย่างแจ่มชัด
ทั้งเรื่องของการสร้างมหาพิภพใหม่นี้ขึ้นและรูปร่างของมันด้วย
เพราะฉะนั้นเขาจึงเดินผ่านขึ้นม่านหมอกไปอีกครั้ง
“เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากที่ใดกัน? เขา… เขากลับเข้าม่านหมอกไปหรือ?”
“เขาน่าจะกำลังบรรลุใช่หรือไม่? หรือว่าเขาคิดจะเดินผ่านและขึ้นไปยังเขตจักรพรรดิเทพสวรรค์เหนือระยะแสนกิโลเมตร?”
“ทรงพลังจริงๆ! แม้แต่เหล่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ทั้งหลายก็ยังไม่กล้าจะผ่านม่านหมอกนี้ไป แต่เขากลับทำได้!”
…
เขตของเทพสวรรค์นั้นมันกว้างใหญ่มากกินพื้นที่ตั้งแต่หนึ่งหมื่นกิโลเมตรจนถึงหนึ่งแสนกิโลเมตร
เย่หยวนนั้นเดินออกมาจากม่านหมอกในตอนแรกมันก็ทำให้คนทั้งหลายต้องหันมาสนใจอย่างไม่อาจห้ามได้แล้ว
เพราะฉะนั้นการกระทำทุกย่างก้าวของเขาจึงถูกผู้คนจับตามองตลอด
เวลานี้เมื่อเขาเดินมาจนถึงสุดระยะหนึ่งแสนกิโลเมตร มันย่อมจะทำให้คนทั้งหลายต้องตื่นตะลึง
เพราะพวกเขานั้นไม่เคยจะได้ยินว่ามีใครคิดบรรลุด้วยวิธีการเดินผ่านม่านหมอกเช่นนี้มาก่อนบนเขาแห่งถงเทียน
และในหมู่คนนั้นมันมีสาวรูปงามผู้หนึ่งในชุดสีฟ้าครามกำลังมองดูเย่หยวนด้วยร่างกายที่สั่นเทา
คำพูดของนางนั้นหลุดออกมาจากปากครั้งหนึ่งแต่นางก็ไม่คิดจะเรียกใดๆ ต่อ
เวลาพันกว่าปีนั้นไม่ได้ยาวนานสำหรับนักยุทธแต่กับนางแล้วเวลาพันปีนี้มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างมากหลาย
นางไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้มาเจอเย่หยวนอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้
แต่สภาพของเย่หยวนในเวลานี้มันเหมือนคนที่ใกล้บรรลุเต็มที
หากนางไปขัดจังหวะเขานั้นมันอาจจะทำให้ความพยายามทั้งหลายของเขาสูญเปล่าลง
เพราะฉะนั้นนางจึงไม่ได้กล่าวเรียกออกไป
จนได้เห็นเย่หยวนเดินหายผ่านม่านหมอกไปแล้วนางจึงเริ่มกลับมาตั้งสติได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด สุดท้ายนางผู้นี้ก็ยิ้มกว้างออกมาราวกับดอกไม้ที่ผลิบาน
สายตาของนางนั้นแสดงความหนักแน่นอย่างถึงที่สุดก่อนจะรีบหันหน้าเดินลงเขาไปทันที
…
เหนือระยะเก้าแสนกิโลเมตรนั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์เจิ้งหมิงกำลังศึกษาบ่มเพาะเต๋าอยู่บนนี้มานานกว่าแสนปี
เขานั้นมีอายุกว่าสิบล้านปีแล้ว และบ่มเพาะขึ้นมาจนถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาว
สิบล้านปีที่บ่มเพาะมานี้ในที่สุดเขาก็ก้าวขึ้นมาจนถึงอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์แปดดาวขั้นสุดได้!
การมาที่เขาแห่งถงเทียนในครั้งนี้มันก็เพื่อที่จะผ่านด่านสุดท้ายหาทางขึ้นสู่การเป็นจักรพรรดิเทพสวรรค์เก้าดาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...