“จุดเด่นของข้านั้นคือข้าเป็นคนผู้รักษาคำพูดมั่น! ที่สำคัญไปกว่านั้นเหมือนเจ้าจะได้ลืมไปว่าข้านั้นจะสังหารเจ้าไปจนกว่าเจ้าจะไม่กล้าออกจากเมือง”
เย่หยวนนั้นมีท่าทางสงบนิ่งไม่ได้วิตกกังวลใดๆ ในเรื่องที่ฉินหูพาผู้ช่วยออกมาด้วย
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเขารู้สึกสนใจในตัวโมซีขึ้นมาเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของคนทั้งหลาย
ตัวแจกแต้มเทพสงครามมหาศาลเช่นนี้ หากไม่คิดสนใจเสียหน่อยมันก็คงไม่ได้แล้ว!
โมซีนั้นมองดูเย่หยวนด้วยสีหน้าเย้ยหยันก่อนจะยิ้มเบาๆ ขึ้น “หึๆ เด็กน้อย เจ้านั้นไม่ได้รับรู้ถึงความกว้างใหญ่ของผืนฟ้า! มิติสงครามดึกดำบรรพ์นั้นมันลึกล้ำกว่าที่เจ้าคิดไปมากหลาย แค่มีฝีมือนิดหน่อยจะมาอวดอ้างตัวมันคงไม่ได้!”
เขานั้นย่อมรู้ดีว่าเย่หยวนนั้นเก่งกาจ แต่หากเป็นการต่อสู้สองต่อหนึ่งแล้วไม่ว่าเย่หยวนจะเก่งกาจสักเท่าไหร่มันก็คงไร้ความหมาย
เย่หยวนหันไปมองดูที่โมซีก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้านี้คือผู้ช่วยของฉินหู? คิดจะสังหารเย่ผู้นี้จนไม่กล้าออกเมืองด้วยหรือไม่?”
โมซีที่ได้ยินก็หัวเราะขึ้นมา “แน่นอน! ฉินหูและข้านั้นเป็นสหายกันมาตั้งแต่ในโลกภายนอก เวลานี้เจ้าสังหารเขาไปหนึ่งครั้งแล้วมีหรือที่ข้าจะยังปล่อยเจ้าไปได้? คำถามเจ้านี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ!”
แต่เย่หยวนกลับยิ้มกว้างออกมา “เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้สบายใจได้”
คนอื่นๆ นั้นต่างอ้าปากค้างเพราะท่าทางของเจ้าเด็กนี้มันช่างดูไร้การป้องกันไร้ความระวัง เวลาเช่นนี้ยังจะมายิ้มได้!
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือคำพูดนี้มันฟังดูปัญญาอ่อนจริงๆ!
เจ้าสบายใจ?
สบายใจเรื่อง?
“วันหน้าพวกเจ้าทั้งสองจงอย่าได้ออกนอกเมืองอีกเล่า ไม่เช่นนั้นแล้วหากข้าได้เจอพวกเจ้าอีกข้าจะสังหารให้สิ้น!” เย่หยวนยิ้ม
“ฮ่าๆๆ… โมซี เจ้าเด็กคนนี้มันคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตรงหน้ามัน! ดูท่ามันจะไม่คิดสนใจเจ้าเลย มาแสดงฝีมือของเราให้มันได้เห็นกับตาเถอะ!” ฉินหูร้องหัวเราะ
โมซีพยักหน้ารับ “ย่อมได้!”
จากนั้นมันก็ค่อยๆ ปรากฏคลื่นพลังแนวคิดลึกลับค่อยๆ ลอยออกมาจากร่างกายของโมซีนั้น
ดิน น้ำ ลม ไฟ!
มันคือสุดยอดสี่แนวคิดแห่งธาตุ!
ที่สำคัญไปกว่านั้นพลังทั้งสี่นี้มันยังแตกต่างจากฉินหูไปมาก เพราะว่าพวกมันสามารถสร้างเสริมให้กันได้ไม่สิ้นสุด เป็นพลังที่เหนือล้ำกว่ากันไปมากล้น
ฝีมือของโมซีนี้มันแข็งแกร่งกว่าฉินหูไปนัก!
ในขณะเดียวกันนั้นมันก็ปรากฏลูกประคำสี่สีลอยขึ้นมาหมุนวนรอบกายเขา
จากนั้นคลื่นพลังแนวคิดทั้งสี่มันก็ปะทุขึ้นไปอีกระดับในทันทีเมื่อได้รับการหนุนส่งจากลูกประคำทั้งสี่นั้น
“ลูกประคำทั้งสี่นี้มีนามว่าลูกประคำสี่ทิศ มันเป็นชุดสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุด! พวกมันนี้แทนพลังของดิน น้ำ ลม ไฟสี่แนวคิดแห่งธาตุและทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่าอย่างมากล้น! เด็กน้อย เจ้าลองพูดคำที่กล่าวออกมาก่อนหน้าสิ!” โมซีนั้นมองดูเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม
ส่วนอีกด้านตัวฉินหูก็เตรียมตัวปล่อยพลังแนวคิดของตนออกมาอย่างถึงที่สุด
การบ่มเพาะของเขานั้นมันเน้นที่ดาบ ทำให้กำลังการโจมตีของเขานั้นเหนือล้ำ
เพียงแค่ว่าเมื่อเทียบกับลูกประคำสี่ทิศของโมซีแล้วมันยังดูอ่อนแอกว่ากันไปขั้นหนึ่ง
เมื่อคนทั้งสองนี้ร่วมมือกันแล้วจักรพรรดิเทพสวรรค์สี่ดาวของเมืองเมฆหนุนมันก็คงไม่อาจจะมีใครต้านทาน
ไม่ว่าเย่หยวนนั้นจะเก่งกาจสักเท่าใด แต่มันก็คงไม่มีทางจะต่อสู้กับคนทั้งสองนี้ไปได้!
“ฮ่าๆๆ เด็กน้อย เจ้าคงสิ้นหวังแล้วสิ? โมซีนั้นเก่งกาจกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ! เมื่อเราทั้งสองร่วมมือกันแล้วเจ้ายังจะหวังให้โชคช่วยใดๆ ได้อีก?” ฉินหูยิ้มเย้ย
ได้เห็นกำลังของโมซีนี้คนทั้งหลายเองก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน
พวกเขาทั้งหลายนั้นรู้ดีว่าโมซีเก่งกาจ แต่ก็ไม่นึกว่าจะเก่งกาจได้ถึงขั้นนี้ ก่อนหน้านี้คนทั้งหลายยังคิดไปเสียว่าเขาน่าจะระดับเท่าๆ กับฉินหู
แต่ดูสภาพนี้แล้ว มันแตกต่างกันไปมากล้น!
“แข็งแกร่ง! ข้าไม่นึกเลยว่าโมซีนั้นกลับจะเก่งกาจกว่าฉินหูเสียด้วยซ้ำ!”
“พลังแนวคิดเช่นนี้มันไม่มีช่องโหว่จุดอ่อนใดๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือด้วยพลังเสริมจากสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุดนั้นมันยิ่งเสริมพลังไปอีกมาก!”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนจึงบอกว่าโมซีนั้นแท้จริงมีระดับสูงกว่าฉินหู ดูท่าแต้มเทพสงครามของเขานั้นมันคงถูกใช้ไปกับสี่ประคำนี้ไม่น้อย!”
“เจ้าเด็กคนนี้มันไม่ฟังคำพูดผู้คนมีแต่จะฉิบหาย! บอกให้มันหนีไปมันกลับไม่คิดสนใจฟัง!”
…
เวลานี้หลายต่อหลายคนเริ่มแสดงสีหน้าเยาะเย้ยโชคร้ายของผู้คน มันก็จริงที่เย่หยวนนั้นเก่งกาจแต่เขานั้นไม่คิดฟังคำพูดของใครๆ เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...