“หึๆ แม้แต่มดมันก็ยังทำหน้าเช่นนี้ได้ มดนั้นมันคงไม่ได้รู้ถึงอันตรายและความตายเป็นแน่!” ลู่หยวนเจี๋ยกล่าวขึ้นมา
เหล่าคนของลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูที่เดินตามมาเองก็หัวเราะขึ้นอย่างดังลั่นป่า
ดูท่าพวกเขาคงได้เห็นเรื่องราวเช่นนี้มาไม่น้อย
สวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนั้นมันเชื่อมต่อกับโลกเบื้องล่างมากมายหลายหลาก การจะมีนักยุทธจากโลกเบื้องล่างบรรลุขึ้นมาได้มันก็มิใช่เรื่องแปลกประหลาดใด
เหล่านักยุทธทั้งหลายนั้นย่อมจะเป็นยอดคนในโลกเบื้องล่าง
แต่เมื่อขึ้นมาถึงโลกนี้แล้ว พวกเขานั้นจะต่ำตมเสียยิ่งกว่าเศษดิน
เพราะว่าบนสวรรค์สมบูรณ์มหาหยกเจิดนี้มันไม่มีนักยุทธทั่วๆ ไปอยู่เลย
ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นถึงยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์สิ้น
เพราะฉะนั้นความโอหังไม่สนใจใครของเย่หยวนนี้มันจึงดูน่าขำในสายตาของผู้คน
เมื่อกุ้ยเทียนหยูได้เห็นว่าเย่หยวนยังคงไม่คิดสนใจเขานั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “เด็กน้อย มาก้มลงกราบต่อหน้านายน้อยผู้นี้แล้วขอโทษเสีย นายน้อยผู้นี้จะยกเว้นชีวิตให้”
เย่หยวนนั้นเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาและกำลังจะพูดแดกดันตอบกลับไปแต่หญิงสาวที่มากับกลุ่มคนทั้งหลายนั้นกลับกล่าวขึ้นมาแทรกก่อน “ศิษย์พี่ทั้งสอง การที่น้องชายผู้นี้จะขึ้นมาจากภพเบื้องล่างนั้นมันย่อมมิใช่เรื่องง่ายดาย ถือว่าเห็นแก่หน้าน้องช่วยปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปสักครั้งจะได้หรือไม่?”
ลู่หยวนเจี๋ยและกุ้ยเทียนหยูนั้นย่อมไม่คิดอยากปล่อยผ่านไปเพราะท่าทางของเย่หยวนนั้นมันกวนส้นเท้าอย่างมาก
เพียงแค่ว่าคนทั้งสองนั้นคิดตามจีบตัวหยางเสว่เจินจึงทำได้แต่ต้องตามใจนางไป
กุ้ยเทียนหยูหัวเราะขึ้นมา “ในเมื่อศิษย์น้องเสว่เจินกล่าวเช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะถือว่าทำบุญปล่อยชีวิตของมันไป”
ลู่หยวนเจี๋ยตอบขึ้นบ้าง “เราจะถือว่าเห็นแก่หน้าศิษย์น้องเสว่เจิน ไสหัวไปเสีย”
หยางเสว่เจินกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง “ศิษย์พี่ทั้งสอง น้องชายท่านนี้ดูท่าคงไม่มีกำลังพอจะออกไปจากป่าด้วยตัวเอง ทำไมเราไม่พาเขาออกไปด้วยกันเล่า?”
คนทั้งสองนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมาอย่างไม่อยากยอมรับ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจจะบอกปัดคำขอของหยางเสว่เจินได้
สุดท้ายแล้วพวกเขาจึงได้แต่พยักหน้ารับออกมาอย่างไม่เต็มใจ
เย่หยวนนั้นหันไปมองตัวหยางเสว่เจินด้วยความตกตะลึงไม่น้อย ไม่นึกฝันว่านางผู้นี้กลับมีจิตใจที่กว้างใหญ่ต่อคนแปลกหน้าได้ปานนี้
เพราะแท้จริงตัวเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวคำขู่ว่าใดๆ ของคนทั้งหลายเลย
แม้ว่าเวลานี้เขาจะยังไม่ได้บ่มเพาะวรยุทธชั้นบรรยากาศสวรรค์หรือวิชายุทธที่ใช้บนโลกนี้ได้แต่เพียงแค่พลังของเขาแห่งถงเทียนมันก็มากพอจะสังหารทุกคนในที่นี้ได้แล้ว
หลายวันมานี้เขาเองก็ไม่ได้นั่งเฉยๆ เช่นกัน
อย่างน้อยๆ เขานั้นก็เข้าใจวิธีการควบคุมเขาแห่งถงเทียนได้มากขึ้นกว่าตอนสังหารจุนเถียนมาก
พลังของเขาแห่งถงเทียนที่เขาดึงมาใช้ได้เองมันก็เพิ่มพูนขึ้นไปอีกหลายขั้น
คนทั้งหลายตรงหน้าเขานี้ ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังอยู่แค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์เลิศน้อยขั้นกลาง
คนระดับนี้มันไม่มีทางจะหลบรอดจากพลังของเขาแห่งถงเทียนไปได้อย่างเด็ดขาด
เพียงแค่ว่าหากมิจวนตัวจริงๆ แล้วเย่หยวนก็ไม่คิดจะเอาเขาแห่งถงเทียนออกมาใช้
เพราะที่แห่งนี้มันเป็นดินแดนใต้การปกครองของนิกายสวรรค์หยกแท้ หากเขาเอาเขาแห่งถงเทียนออกมาแล้ว เขาย่อมจะต้องสังหารคนทั้งหมดที่ได้เห็นเพื่อปิดปาก
ไม่เช่นนั้นวันหน้ามันจะได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ไป
เย่หยวนนั้นมิใช่คนโหดร้ายไร้มารยาท เขาจึงก้มหัวลงคารวะหยางเสว่เจินก่อนจะกล่าว “ขอบพระคุณแม่นาง”
หยางเสว่เจินยกมือขึ้นมาโบกปัด “มิใช่เรื่องใหญ่ใด”
ดูท่าแล้วนางคงไม่มีอารมณ์จะมาพูดให้มันมากความเป็นแน่
นางนั้นแค่บังเอิญเห็นเย่หยวนจึงคิดช่วย
เย่หยวนเองก็ย่อมจะไม่ขออะไรมากมายไปกว่านั้นและออกเดินตามกลุ่มคนทั้งหลายนั้นไป
ฟ้ามันค่อยๆ มืดลงจนคนทั้งหลายต้องหาที่ค้างแรม
แต่จู่ๆ มันกลับมีเสียงเสียงร้องโฮ่กขึ้นมาลิบๆ
พวกลู่หยวนเจี๋ยนั้นหันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มในทันที
“เด็กน้อย คนไม่ทำงานนั้นไม่สมควรจะได้กิน! เรานั้นช่วยปกป้องเจ้ามาตลอดทางแล้ว เวลานี้เจ้าไม่ไปทำอะไรให้เป็นประโยชน์กับเราบ้างเล่า?” ลู่หยวนเจี๋ยหันไปถามเย่หยวนด้วยรอยยิ้ม
มีหรือที่เย่หยวนจะไม่รู้ได้ว่าเจ้าหมอนี่กำลังวางแผนร้าย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...