“เฉียว! ไค! หยวน!”
หลังจากที่เย่หยวนจากมาแล้วเฉิงฉงชานก็ต้องร้องลั่นจนแทบทำเอาตึกพังทลายลง
เขานั้นชี้หน้าเฉียวไคหยวนพร้อมด่าลั่น “นี่หรือคือราชครูของเจ้า? เฉียวไคหยวน เจ้าคิดจะกบฏแล้ว? เจ้ารอก่อนเถอะ ราชครูผู้นี้จะกลับไปรายงานที่นิกายให้พวกเขามาทำลายอาณาจักรตะวันออกลงแน่นอน!”
จักรพรรดิและองค์ชายรองนั้นได้แต่ต้องผงะไปด้วยใบหน้าซีดขาวรู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าจะพังทลายลงมา
เมื่อท่านทูตโกรธพิโรธขึ้นมาแล้วอาณาจักรตะวันออกนั้นย่อมจะไม่มีทางต่อต้านได้!
พ่อลูกคู่นี้เองก็เป็นได้เพียงแค่เป้าที่ให้คนเขามาระบายความโกรธแค้น
‘ดูอย่างไรมันก็เจ้ามิใช่หรือที่ผิดไม่ยอมก้มหัวจนทำให้เย่หยวนขุ่นเคืองกลับไปเช่นนั้น เวลานี้เจ้ากลับยังจะมาโทษว่าเป็นความผิดคนอื่นอีก!’
เรื่องเช่นนี้จะไปถามหาความถูกต้องจากใครได้?!
ทั้งสองฝ่ายนั้นต่างยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะลบหลู่ได้!
องค์จักรพรรดินั้นได้แต่ต้องกล่าวมาด้วยใบหน้าเหยเก “ท่านทูตโปรดระงับโทสะก่อน! เย่หยวนผู้นั้นอาจจะมีท่าทางโอหังอยู่จริงแต่เขานั้นก็มีความสามารถเก่งกาจล้ำ! ท่านเองก็เห็นว่าเขานั้นมากฝีมือแค่ไหน! เขานั้นบอกว่าร่างกายของท่านทูตนั้นมีปัญหาอยู่ ทำไมท่านไม่ลดตัวลงไปขอร้องเขาสักครั้งเล่า?”
เฉิงฉงชานหัวงเราะขึ้นมาตอบ “หึๆ คำขู่กึ่งจริงกึ่งเล่นของมันนั้นคิดจะขู่ทูตผู้นี้ได้หรือ? ทูตผู้นี้รู้จักร่างกายตนเองดีที่สุด มีหรือที่จะต้องให้มันมาบอกอะไร?”
เขานั้นย่อมจะไม่เชื่อคำพูดทั้งหมดของเย่หยวนเพราะตอนนี้เขารู้สึกแข็งแรงอย่างมากล้น
เขานั้นไม่อาจจะทำใจเชื่อคำของเย่หยวนลง
เขานั้นหันไปบอกจักรพรรดิ “เฉียวไคหยวน เจ้านั้นอย่าได้มาหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้าแล้วกัน! ภายในครึ่งวันนี้เจ้าจงไปลากเจ้าเด็กคนนั้นมาขอโทษข้าเสียแล้วข้าจะถือว่าเรื่องมันจบกัน! ไม่เช่นนั้น… หึๆ เจ้าจะได้รู้ถึงผลที่ตามมา!”
องค์จักรพรรดินั้นหน้าซีดขาวลงจนไร้สีเลือดก่อนจะลากตัวองค์ชายรองออกมาจากห้อง
…
ในคฤหาสน์ราชครูนั้นเฉียวไคหยวนและองค์ชายรองกำลังพยายามโน้มน้าวเย่หยวนด้วยทุกสิ่งอย่างที่มี
แต่เขาย่อมจะไม่คล้อยตามแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าทั้งสองอย่าได้เปลืองน้ำลายอีกเลย คำนวนแล้วมันคงใกล้ได้เวลาที่เจ้าทูตโอหังคนนั้นมันจะมา” เย่หยวนยิ้มขึ้น
ทั้งสองพ่อลูกนั้นได้แต่ต้องหันไปมองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อมากนัก
“ท่านราชครู ทูตเฉิงนั้นมีท่าทางสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เหมือนคนที่มีปัญหาเลยแม้แต่น้อย! ท่านมองผิดไปหรือไม่?” เฉียวไคหยวนกล่าวขึ้นมา
แต่เสียงของเขายังไม่ทันจางหายมันก็มีคนใช้ผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“นายท่านทั้งหลาย ไม่ดีแล้ว! มันมีคนอ้วกเป็นเลือดเดินมาทางคฤหาสน์ราชครูเรา! เรา… เราไม่กล้าจะไปหยุดเขา!”
เฉียวไคหยวน องค์ชายรองและหลินหลานต้องผงะไปทันทีที่ได้ยิน สั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย
นี่มันจะไม่แม่นยำเกินไปหน่อยหรือ?
หรือว่าเฉิงฉงชานนั้นจะมาจริงๆ?
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเย่หยวนกลับพูดได้ถูกต้อง เฉิงฉงชานนั้นมีปัญหาจริง!
หลินหลานนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกาย ตัวเขาที่เป็นถึงนักหลอมโอสถสวรรค์ระดับสองนั้นกลับไม่เห็นถึงร่องรอยใดๆ เลย!
เย่หยวนนั้นลุกขึ้นเดินออกไปดู
เฉียวไคหยวนและพวกเองก็ต่างเดินตามออกมาด้วยท้องไส้ที่ปั่นป่วน
หลังจากเดินมาได้ไม่ไกลพวกเขาก็ได้เห็นเฉิงฉงชานกำลังเดินโซซัดโซเซเข้ามาพร้อมกระอักเลือดออกจากปากตลอดทาง
กลิ่นเหม็นๆ นั้นมันเตะจมูกพวกเขาทันที
เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นก่อนจะยกนิ้วขึ้นมากางค่ายกลปิดทางที่เฉิงฉงชานเดินมาทันที
เขานั้นได้อ้วกเอาพิษมากมายออกมาระหว่างทาง
เหล่าคนรับใช้ทั้งหลายนั้นไม่กล้าจะเข้าไปใกล้ตั้งแต่แรก ได้แต่ต้องมองดูอยู่ไกลๆ
พิษนี้มันรุนแรงเป็นอย่างมาก!
“พวกเจ้าถอยออกไปอีก! ป้องกันร่างกายไว้ด้วยปราณเทวะพิษนี้มันไม่ธรรมดา!” เย่หยวนร้องกล่าวขึ้นมา
คนทั้งหลายนั้นรู้สึกหวิวขึ้นในใจก่อนจะรีบเดินปราณเทวะทันที
“ช-ช่วยข้าด้วย! อ-อาจารย์เย่ ข้า… ข้าผิดไปแล้ว! ข-ข้าขอร้องท่านล่ะ ช่วยด้วย!”
ได้เห็นเย่หยวนออกมารับเฉิงฉงชานก็เหมือนได้เห็นทางรอดสุดท้ายร้องออกมาด้วยพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่
เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่วางท่าเป็นท่านทูตผู้ยิ่งใหญ่แล้วหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...