“พี่เย่ศึกครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่ได้กลับมาแน่!”
“ก่อนหน้านี้มันเป็นเราเองที่โง่เง่าตาบอด อย่าได้ถือโทษโกรธเราเลย!”
เมื่อเย่หยวนกลับมาถึงยังค่ายนอกเมืองทิศเหนือเขาก็ได้รับเสียงต้อนรับอย่างกึกก้อง
เมื่อเหล่าทหารจักรพรรดิเซียนทั้งหลายเห็นหน้าเย่หยวน พวกเขาก็ต่างออกมากล่าวทักทายกันไม่ขาดสาย
ในหมู่ผู้คนทั้งหลายนั้นก็มีหลายคนที่เคยกล่าวเย้ยหยันเย่หยวนในวันก่อนหน้า และตอนนี้พวกเขาต่างก็อับอายจนแทบอยากเอาหัวมุดดินหนี
ครั้งนี้หากไม่ได้เย่หยวนช่วย…พวกเขาคงไม่อาจจะกลับมาได้อีก
เผลอๆ เมืองทิศเหนือนี้อาจจะตกอยู่ในมือของเผ่าเลือดไปแล้วด้วยซ้ำ และการพ่ายแพ้นั้นจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงจนไม่อาจมองข้ามไปได้
แถมเย่หยวนเองก็ไม่ได้วางท่าเหนือหัวคนใดๆ แค่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น
เมื่อเหล่าจักรพรรดิเซียนทั้งหลายได้เห็นท่าทีของเย่หยวน พวกเขาก็ยิ่งอับอายไปกว่าเก่า
เย่หยวนนั้นกลับมีความคิดจิตใจที่กว้างขวางนัก!
“น…น้องเย่” จ่าวเฉินเดินมาหยุดตรงหน้าเย่หยวนด้วยความอับอาย ก่อนจะออกศึกกันนั้นเขาเป็นคนที่ปากร้ายที่สุดในกลุ่ม แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขามันถูกความเป็นจริงตบจนชา
เมื่อเขาได้เห็นเย่หยวนอีกครั้ง มันย่อมทำให้เขาอับอายอย่างสุดใจ
“นี่มันจ่าวเฉินจากแผ่นดินใหญ่ อาจารย์เย่เรานั้นเป็นแค่คนนอกโพ้นทะเล จะกล้ามาเรียกเป็นพี่น้องกับเจ้าได้อย่างไรกัน?” เมื่อต้าหวงเห็นหน้าจ่าวเฉินนั้นเขาก็กัดฟันแน่นและกล่าวแดกดันทันที จ่าวเฉินนั้นได้แต่ต้องยืนหน้าแดงก่ำอย่างอับอาย และเรื่องนี้เย่หยวนกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาห้าม เพราะก่อนหน้าจ่าวเฉินได้กล่าวคำพูดเย้ยหยันออกมาอย่างรุนแรง แถมไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้นแต่ท่าทางของจ่าวเฉินก็ดูถูกเขาอย่างที่สุด
จ่าวเฉินนั้นดูถูกเย่หยวนเพราะเขาเป็นคนนอกเช่นนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเป็นนิกายยาสุดล้ำอีกด้วย
แน่นอนว่ามันจะเกิดความดูถูกขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม เพราะแท้จริงแล้วคนที่ทำท่าทางเช่นนี้ออกมามันก็ไม่ได้มีน้อย
ที่พวกเขาเปิดรับเย่หยวนเข้ามาง่ายๆ ก็เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาสงคราม หากเป็นเวลาสงบสุขปกติแล้วคนนอกอย่างเย่หยวนจะเข้ามายังทวีปสวรรค์แรกคงเข้ามาได้ยาก
เหมือนอย่างที่ทวีปพิรุณใสนั้นที่เจ้าถิ่นจะรู้สึกไม่ชอบใจคนนอกมากนัก
เย่หยวนนั้นไม่ชอบหาเรื่องคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาชอบก้มหัวให้คนอื่นกดขี่
แต่จู่ๆ จ่าวเฉินนั้นกลับคุกเข่าลงตรงหน้าเย่หยวนพร้อมกล่าวว่า “อาจารย์เย่ เรื่องก่อนหน้ามันเป็นความผิดของข้าเอง! ข้ารู้ดีว่าท่านนั้นมีความสามารถแค่ไหน และต้องมีวิธีช่วยเหลือลูกน้องของข้าได้บ้างแน่ๆ ตอนนี้พวกเขาต่างถูกพิษเลือดกัดกร่อนกันหมด ขอร้องท่านโปรดเมตตาพวกเขาด้วย!”
ในศึกแต่ละครั้งนั้นคนที่ติดพิษเลือดกัดกร่อนกลับมามันย่อมไม่ได้มีน้อยๆ
แม้แต่ซ่งเหมียวยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเที่ยงนั้นยังติดพิษเลือดกลับมา มีหรือที่เหล่าจักรพรรดิเซียนทั้งหลายจะรอดไปได้?
เดิมทีทัพของจ่าวเฉินนั้นมันก็มีคนที่ติดพิษเลือดกัดกร่อนอยู่มาก
ในศึกครั้งนี้มันจึงทำให้พวกเขาสูญเสียและบาดเจ็บกันไปอย่างมากมายด้วย
ซึ่งกองทัพที่เหลือของเขากว่าร้อยละเจ็ดสิบนั้นติดพิษเลือดกัดกร่อนกันไป หากคนทั้งหลายนั้นตายลงเขาก็คงได้ลงจากตำแหน่งแม่ทัพแน่นอน
แน่นอนว่าแม้จ่าวเฉินนั้นจะดูถูกเย้ยหยันเย่หยวนแค่ไหน แต่เขาก็ถือว่าลูกน้องของตนเป็นเหมือนน้องชาย หากเขาสามารถช่วยน้องชายทั้งหลายได้ เขาพร้อมที่จะทิ้งศักดิ์ศรีใดๆ และคุกเข่าขอร้องเย่หยวนอย่างแน่นอน…
แม้แต่จักรพรรดิอย่างซ่งเหมียวนั้นยังกล้าคุกเข่า ทำไมเขาคนนี้จะไม่กล้า?
แต่ต้าหวงนั้นย่อมจะไม่ยอมรับมันง่ายๆ พร้อมกับยิ้มตอบกลับไป “นี่ ท่านจ่าวอย่าได้ทำเช่นนี้เลย! อาจารย์เย่นั้นเป็นแค่คนที่มีความรู้เท่าหางอึ่ง แต่นิกายยาสุดล้ำนั้นต่างหากที่เป็นเจ้าโลก ท่านมาหาคนผิดแล้วหรือไม่? ไปกราบขอร้องนิกายยาสุดล้ำมันจะไม่ดีกว่าหรือ?”
เต้าเฉินที่ด้านข้างนั้นแทบจะขุดหลุมมุดหน้าหนีไป
เพราะเขานั้นถูกสั่งให้มาเรียนรู้วิชาจากเย่หยวนและนอกจากเขาแล้ว เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าและหกทั้งหลายต่างก็มากันด้วย
ในทัพสวรรค์แรกนั้นมันมีแพทย์สนามอยู่ราวๆ ร้อยคนได้ และเหล่าแพทย์สนามส่วนมากนั้นก็มาจากนิกายยาสุดล้ำและตัวเต้าเฉินนี้ก็ถือเป็นยอดอัจฉริยะในหมู่คนที่มา
ก่อนหน้านี้เขาได้เชิดหน้าชูตาด้วยความเป็นศิษย์ของนิกายยาสุดล้ำ แต่หลังศึกครั้งนี้สถานะของเขากลับจมลงดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...