มันไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เกิดขึ้นมาเพราะความตกตะลึง พวกเขานั้นไม่เคยเห็นใครทำอะไรเช่นนี้มาก่อน!
กล้ามาถึงหน้าฐานเผ่าเลือดและเรียกหาพวกเขา มันย่อมจะไม่เคยมีใครในทวีปสวรรค์แรกที่ทำเช่นนี้มาก่อน ที่สำคัญไปกว่านั้นมันยังมากันแค่ห้าคน!
พวกนี้มันคนบ้า?
“เผ่าเลือดของเจ้านั้นเรียกตัวเองว่าเก่งกาจเหนือทุกสวรรค์ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้เงียบเป็นเป่าสากเช่นนี้เล่า? หากมีปัญญาจริงก็ออกมาสู้ตัวต่อตัวกับปู่หยางเจ้าหน่อยสิ ปู่หยางจะให้สู้สิบต่อหนึ่งไม่สิ ห้าสิบต่อหนึ่งก็ยังไหว!”
“พวกอ่อนเอ๊ย! ย่าเจ้ามาอยู่ถึงหน้าประตูแล้วแต่พวกเจ้ากลับไม่มีใครกล้าออกมาต่อสู้เลยหรือ? เผ่าเลือดเจ้ามันยังกล้าเรียกตัวเองว่าแข็งแกร่งหนักหนาได้อย่างไร? สุดท้ายแล้วต่อให้จะเป็นกองทัพจักรพรรดิเซียนตั้งห้าพันแต่ก็ถูกเราฆ่าจนหัวหดไม่กล้าโผล่หน้าออกมาอีก! มันอ่อนจนแทบจะไหวลู่ไปตามลมแล้วมั้งเนี่ย!”
จิงเฟยเองก็เป็นคนที่ชอบหาความสนุกเช่นนี้อยู่แล้ว นางจึงรีบก้าวออกมาพูดเย้ยหยันตามทันที
นางนั้นตัวเตี้ยเป็นแค่เด็กน้อยแต่ว่ากลับยืนเอามือไพล่หลังราวกับผู้อาวุโสพร้อมทำหน้าดูถูกเหยียดหยามจนทำให้เผ่าเลือดทั้งหลายชิงชังจนแทบจะขาดใจ
ศึกในครั้งนั้นมันเป็นความอับอายของเผ่าเลือด
เผ่าเลือดมากมายต้องตายลงไปเพราะศึกครั้งนั้น เมื่อถูกจิงเฟยขุดแผลเก่าขึ้นมาเช่นนี้มันย่อมจะทำให้เผ่าเลือดมากมายหน้าดำหน้าแดงกันไป กับคำเย้ยหยันไม่หยุดจากปากของหยางชิงด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้เผ่าเลือดทั้งหลายเดือดดาลวิ่งมาขอร้องนายกองของตนให้ออกไปต่อสู้ทันที
แต่หากไม่มีคำสั่งเบื้องบนลงมาพวกเขาก็ไม่อาจจะทิ้งตำแหน่งไปได้ ในค่ายของเผ่าเลือดนั้นมันเปี่ยมล้นไปด้วยความเดือดดาลของผู้คน!
“ท่านแม่ทัพ ให้ข้าออกไปสู้เถอะ ข้าจะไปสังหารไอ้เด็กนั่นและล้างแค้น!”
คนที่พูดนั้นคือฮันกวง ก่อนนั้นเขาถูกดาบเต๋าของเย่หยวนทำลายฐานพลังการบ่มเพาะจนตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัวสมบูรณ์มีพลังเพียงแค่ชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเซียนขั้นต้นเท่านั้น
คำพูดของจิงเฟยนั้นมันเหมือนน้ำร้อนที่ราดลงแผลเก่าของเขา
เพราะว่าศึกครั้งนั้นคนที่นำทัพมันคือเขา
นั่นเป็นศึกที่อนาถที่สุดของเผ่าเลือดเท่าที่เคยมีมา
หลัวชวนนั้นเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกแต่ต้องส่ายหัวออกมา “พวกมันมีกันแค่ห้าคนแต่ก็กล้าออกมาท้าทายเราเช่นนี้ มันย่อมจะเป็นแผนล่อเราออกไปแน่แล้ว! ที่สำคัญไปกว่านั้น…เจ้าออกไปสภาพนี้ก็มีแต่จะตาย!”
ฮันกวงนั้นแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีไปเพราะว่าสภาพของเขาในตอนนี้มันคงไม่อาจจะรับดาบของเย่หยวนได้แม้แต่ครั้งเดียวด้วยซ้ำไป
หากตอนนี้เย่หยวนฟันดาบเต๋าออกมาเขาคงไม่เหลือพลังพอจะฟื้นคืนชีพแล้ว แต่การถูกคนมาท้าทายถึงประตูเช่นนี้มันก็น่าคับแค้นจนเกินรับ!
เห็นสภาพเช่นนั้นหลัวชวนก็กล่าวขึ้น “รอก่อนเถอะ อีกไม่นานท่านแม่ทัพใหญ่คงตัดสินใจลงมาแน่”
เผ่าเลือดนั้นเองก็มีแม่ทัพใหญ่ที่เป็นมหาจักรพรรดิครึ่งก้าวนามว่าเซี่ยหลิงเช่นกัน และตอนนี้เขากำลังเข้าไปรายงานให้แก่แม่ทัพสูงสุดของเผ่าเลือดนามว่าหลี่เหอ
เหล่ามหาจักรพรรดิของเผ่าเลือดนั้นต่างเฝ้าดูกันอยู่รอบๆ เส้นทางมิติและไม่กล้าจะออกห่างจากมัน ทำให้พื้นที่รอบๆ นั้นจะถูกทหารระดับล่างเฝ้าดูแลแทน
“แผนของทัพสวรรค์แรกมันคงเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำแน่แล้ว เราจะติดกับมันไม่ได้! ส่งจักรพรรดิเที่ยงออกไปสังหารพวกมันให้หมด! แต่จำไว้ว่าถ้าสังหารได้ก็สังหาร แต่อย่าได้ตามเข้าไปจนลึกเกินตัว!” หลี่เหอกล่าว
สำหรับพวกเขาแล้วการป้องกันเส้นทางมิติย่อมจะมีความสำคัญที่สุด
เพื่อที่จะเปิดเส้นทางมิตินี้ขึ้นมา เผ่าเลือดย่อมจะต้องทุ่มทรัพยากรและแรงงานไปมหาศาล
หากเสียเส้นทางมิติไปพวกเขาย่อมจะไม่อาจทนรับได้
ท่าทางแปลกๆ ของพวกเย่หยวนนั้นมันกลับได้ทำให้หลี่เหอนั้นกังวลขึ้นมาแทน
คลื่นพลังรุนแรงหลายสายพุ่งออกมาจากค่ายเผ่าเลือด เย่หยวนและพรรคพวกหันหลังพุ่งตัวกลับทันที!
พวกเขานั้นยืนอยู่ในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้มีเวลาพอจะหนีจากมือของจักรพรรดิเที่ยงได้ง่ายๆ
“อะไรวะเนี่ย พวกเจ้ามันขี้ขลาดเสียจริงใช้เป็นแต่จักรพรรดิเที่ยงออกมาไล่รังแกปู่หยาง! หลังจากปู่หยางบรรลุชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเที่ยงได้บ้าง ข้าจะกลับมาสังหารพวกเจ้าให้ขี้หดกลับเข้าก้นเลย!” หยางชิงพูดไปร้องไป
“กลับมา!”
ด้วยความกังวลว่าจักรพรรดิเที่ยงทั้งหลายนั้นจะเสียท่าติดกับดัก เซี่ยหลิงจึงเรียกพวกเขากลับเข้าฐาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...