‘หากเจ้าไม่โม้แล้วหมายความว่าเป็นพวกข้าที่โม้?’
เด็กน้อยที่เพิ่งมาถึงมันกลับมาพูดจาอวดดี ช่างโอหังเสียจริง!
หลิวอี้นั้นเตรียมยกมือสังหารเย่หยวนขึ้นมาแล้ว
เย่หยวนที่เห็นต้องขมวดคิ้วแน่นคิดอยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงขึ้นมาทันที
แต่ทำเช่นนั้นเรื่องทั้งหมดมันก็คงไร้ความหมายแล้ว
เขานั้นคงไม่อาจจะอยู่ในมหานครฉีใต้ได้อีกหากคนรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา
แต่วินาทีนั้นเองที่เขาเหลือบไปเห็นเฟิงเสี่ยวเถียนกำลังหันมามองและนึกอะไรขึ้นมาได้ “เจ้าพูดถูกแล้ว! ข้านั้นไม่ใช่คนชอบดูถูกคนหรอกแต่ว่าพวกเจ้าทั้งหลายในที่นี้มันมีแต่ขยะทั้งสิ้น! วิธีไม่ต้องให้คนตายก็มีมากมายแต่เจ้ากลับเอาชีวิตคนมาใช้เล่น หากไม่ใช่ขยะแล้วจะให้ข้าเรียกว่าอะไร?”
คำพูดเดียวนี้มันทำให้ทั้งเมืองต้องสั่นคลอน!
คนทั้งหลายนั้นต่างหยุดมือและหันมามองเป็นตาเดียว
แน่นอนว่าตัวเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็เช่นกัน
ได้ยินเช่นนั้นตัวเขาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงทันที
เจ้าเด็กนี่มันมาจากที่ไหนทำไมถึงได้โอหังปานนี้?
หลิวอี้เองก็ผงะไปเช่นกัน เจ้าเด็กนี่มันช่างกล้า!
“ฮ่าๆๆ ไอ้คนโอหังหลงตัวเอง เจ้าคงมาเพื่อสร้างปัญหาเท่านั้นแล้ว! การซ่อมแซมมหาค่ายกลนี้มันต้องมาเสียเวลาเพราะเจ้าโดยแท้! ตายเสียเถอะ!”
หลิวอี้ร้องขึ้นมาอย่างคับแค้นใจคิดโจมตีเข้าใส่เย่หยวนทันที
“หยุด!”
ในตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
คนที่พูดนั้นย่อมจะเป็นเฟิงเสี่ยวเถียนแล้ว
หลิวอี้หันกลับไปกล่าวรายงาน “ท่านเจ้าเมืองเฟิง ไอ้เด็กคนนี้มันมาขวางการซ่อมแซมขอรับท่าน ข้าน้อยแค่จะจัดการสังหารมันเพื่อลงโทษตามกฎกองทัพเท่านั้น!”
เฟิงเสี่ยวเถียนยกมือขึ้นมาห้ามตัวหลิวอี้ไว้และหันมาถามเย่หยวน “น้องชาย ที่แห่งนี้มันคือสนามรบเจ้าจะพูดอะไรที่ไม่รู้ไม่ได้! หากเจ้าทำไม่ได้มันมิใช่แค่เจ้าที่จะลำบากแต่นิกายที่ส่งเจ้ามานั้นก็จะเสียชื่อไปด้วย!”
เมื่อเย่หยวนเห็นเฟิงเสี่ยวเถียนเดินเข้ามาเขาก็ต้องลอบถอนหายใจยาวทันที
เขามองไม่ผิดจริงๆ!
คำพูดโอ้อวดก่อนหน้านั้นมันก็เพื่อจะทำให้คนทั้งหลายหันมาสนใจ
และคำพูดสุดท้ายของเขานั้นมันก็เพื่อจะเรียกให้เฟิงเสี่ยวเถียนมาหา
เขานั้นรักลูกน้องอย่างมาก ย่อมจะไม่ยอมปล่อยคนในกองทัพไปตายอย่างไร้ค่าได้!
หากมันมีวิธีใดที่จะลดอัตราการตายลงได้และยังพอสามารถซ่อมแซมกำแพง เขาก็ย่อมจะเข้ามาฟังมันอย่างตั้งใจแน่นอน
แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้
ในความเป็นจริงนั้นเฟิงเสี่ยวเถียนเองก็รู้ดีกว่าใครว่าห้าวันมันไม่พอทำอะไรเลย
ต่อให้คนทั้งพันนี้จะตายตกลงไปมันก็คงไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงผลของศึกครั้งนี้ได้
แต่หากมหาค่ายกลมันแข็งแกร่งขึ้นมาได้บ้างพวกเขาก็จะสังหารเผ่าเลือดได้เพิ่มมากขึ้น ถามว่าใช้ชีวิตทหารหนึ่งพันและเผ่าเลือดสองพันมันคุ้มค่าหรือไม่?
แน่นอนว่ามันคุ้ม!
นี่มันคือทางเลือกสุดท้ายที่เขาไม่เลือกไม่ได้แล้ว!
เย่หยวนพยักหน้ารับเมื่อได้ยิน “ข้าพร้อมจะลงนามในสัญญากองทัพ! ให้เวลาข้าหนึ่งชั่วโมงแล้วข้าจะซ่อมกำแพงในระยะนี้ให้! หากข้าทำไม่ได้ข้าก็ยอมจะรับผิดด้วยชีวิตนี้!”
“ท่านเจ้าเมือง เจ้าเด็กนี่มันแค่มาเพื่อสร้างเรื่องให้ทหารลำบากใจเท่านั้น! มีหรือที่จักรพรรดิเซียนน้อยคนหนึ่งจะทำเรื่องเช่นนั้นได้?”
“ใช่แล้ว ท่านเจ้าเมือง เลิกพูดจาไร้สาระกับมันเถอะ เวลามันจะเสียไปเปล่าๆ!”
“ไอ้เด็กนี่มันอาจจะเป็นสายลับจากเผ่าเลือดก็ได้!”
…
ไม่มีใครคิดเชื่อคำของเย่หยวน
เพราะมันบ้าเกินไป!
คนคนเดียวนั้นกลับจะทำงานแทนที่คนรับร้อยได้ในเวลาแค่ชั่วโมงเดียว?
มันไม่มีใครกล้าโม้เช่นนี้!
แต่ว่าเฟิงเสี่ยวเถียนนั้นกลับยกมือขึ้นมาห้ามคนทั้งหลาย “เพื่อความปลอดภัยของทุกคนแล้วเจ้าเมืองคนนี้ยอมที่จะเสี่ยงเดิมพัน! ต่อให้จะถูกหลอกมันก็ไม่มีปัญหา!”
ใช่แล้ว เขาแค่เดิมพันเท่านั้น!
เพราะเขาเองก็ไม่เชื่อว่าเย่หยวนจะทำได้เช่นกัน
แต่เขานั้นพร้อมที่จะเดิมพัน! เพราะแม้โอกาสเพียงหนึ่งในล้านมันก็ดีกว่าส่งคนนับพันไปตายเปล่าๆ เช่นนี้
ผลลัพธ์นั้นต่อให้ตายน้อยลงแค่คนเดียวมันก็ถือว่าดีเลิศแล้ว!
แต่ก็เพราะว่าความห่วงใยต่อทหารของเขานี้ที่มันทำให้ชื่อเสียงของเขาในมหานครฉีใต้ได้รับการยกย่องสูงล้ำ
มหานครฉีใต้นั้นมันเป็นเมืองที่มีจิตใจเป็นหนึ่งและพร้อมต่อสู้แลกชีวิต
เฟิงเสี่ยวเถียนมองหน้าเย่หยวนก่อนจะกล่าวขึ้น “ไม่ต้องเขียนอะไรทั้งนั้นแหละ หากเจ้าหลอกลวงคนแล้วเจ้าเมืองผู้นี้จะลงมือส่งเจ้าไปนรกเอง!”
เย่หยวนพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปมองดูค่ายกลที่เสียหายตรงหน้า
มหาค่ายกลเชื่อมต่อนั้นมันเป็นอะไรที่สุดแสนยุ่งเหยิง!
อย่าว่าแต่จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับห้า ต่อให้จะเป็นจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับแปดเองก็คงไม่อาจจะเข้าใจมันได้แน่นอน
การซ่อมแซมของมันนั้นต้องใช้จอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเก้ามาจัดแจงงานให้ไม่เช่นนั้นมันก็คงไม่มีทางซ่อมแซมอะไรได้
เพราะไม่ว่าจะเป็นค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ซับซ้อนแค่ไหนมันก็เกิดขึ้นมาจากพลังงานน้อยๆ หลายจุด
เหล่าจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับต่ำทั้งหลายนั้นไม่อาจจะเข้าใจมันทั้งหมดได้แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาไม่อาจซ่อมแซมมันกลับมาได้
เพราะว่ามหาค่ายกลนี้มันถูกวิเคราะห์มาอย่างดีและทำการแจกแจงว่าส่วนไหนใช้ค่ายกลระดับใดในการก่อสร้างซ่อมแซมได้
มันไม่ต่างอะไรจากงานก่อสร้าง แต่ละคนนั้นก็วางอิฐหล่อปูนไปในจุดต่างๆ กัน
แต่หากทำไปตามแผนเรื่อยๆ แล้วสุดท้ายบ้านมันก็จะตั้งเป็นหลังขึ้นมาได้
เหล่าจอมเทพค่ายกลสวรรค์ทั้งหลายนั้นไม่อาจเข้าใจมหาค่ายกลได้ แต่มันก็เหมือนที่คนงานก่อสร้างไม่ต้องอ่านแบบแปลนออกแต่ก็ยังสามารถทำงานให้สำเร็จไปได้
คนที่เข้าใจและวางแผนมาจริงๆ นั้นมันคือเหล่าจอมเทพค่ายกลสวรรค์ระดับเก้าทั้งหลายต่างหาก!
การซ่อมแซมจุดที่เย่หยวนบอกนั้นมันไม่ใช่แค่การทำงานของคนร้อยคนแต่มันยังต้องเป็นการทำงานด้วยความเข้าใจต่อมหาค่ายกลในพื้นที่นี้ทั้งบริเวณ!
แต่เขานั้นเป็นแค่ระดับห้า!
เหล่าจอมเทพค่ายกลสวรรค์ทั้งหลายนั้นเป็นคนใน พวกเขาย่อมจะไม่มีใครเลือกเข้าข้างคิดว่าเย่หยวนจะทำได้จริง
เย่หยวนเองก็ไม่ลงมือซ่อมแซมทันทีแต่ว่าค่อยๆ เดินมองดูมหาค่ายกลในบริเวณนี้ ทำหน้าตาเหมือนผู้เชี่ยวชาญที่ลงมาตรวจงาน
ภาพนี้มันย่อมจะทำให้เกิดเสียงเย้ยหยันขึ้นรอบด้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ
DDD...