จอมเทพโอสถ นิยาย บท 2954

ตอนที่ 2954 ทะเลมาร

“รู้สึก! บรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านนั้นผ่านเข้าประตูนรกไปจริงๆ!” หวางเฉียนนั้นกล่าวขึ้นมา

เจ้าโลกยู่เทียนนั้นกล่าวขึ้นตาม “เช่นนั้นมันก็คงไม่ผิดแล้ว! พวกเจ้าทั้งสองนำทางเข้าประตูนรกไปด้วยกัน! ในประตูนรกนั้นมันมีตัวตนทรงพลังมากมาย แม้แต่เจ้าโลกเองก็ยังรับมือได้ยาก ระวังตัวด้วย!”

ในตอนนี้ยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ของตระกูลวิญญาณนิพพานนั้นได้มารวมตัวกันหน้าประตูนรก

แค่นับยอดฝีมือคลื่นกำเนิดมันก็มีถึงสามสี่สิบคนแล้ว

เจ้าโลกเองก็มากันถึงสิบคน!

เพื่อที่จะช่วยเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นแล้วตระกูลวิญญาณนิพพานได้ส่งกำลังออกมาถึงหนึ่งในสิบจากที่มีอยู่

ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังถูกรุกรานจากเผ่าเลือดเช่นนี้แล้ว

การส่งคนออกมาได้ถึงขนาดนี้ มันก็เรียกได้ว่าเป็นการเทหมดหน้าตักทีเดียว

เจ้าโลกอีกคนกล่าวขึ้นมา “เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ เข้าไปกัน! หากข้าเดาไม่ผิดเจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านคงอยู่ในนรกแน่และถูกยอดฝีมือบางคนตรึงไว้ไม่ให้ไปไหนได้”

คนทั้งหลายพยักหน้ารับออกมา

เจ้าโลกยู่เทียนนั้นหันกลับมามองเย่หยวนด้วยสายตาดูถูก “เสียเวลาไปเป็นวัน สุดท้ายคลื่นกำเนิดของเจ้ามันก็ดีแค่รูป ไม่อาจจะเทียบกับหวางเฉียนได้!”

เย่หยวนนั้นยืนนิ่งไม่คิดปฏิเสธใดๆ

ประตูนรกนั้นมันคือรอยแยกห้วงมิติที่เชื่อมระหว่างสวรรค์โมฆะเกินดุลและสวรรค์อื่น

ภายในนั้นมันมีตัวตนชั่วร้ายมากมายจนแม้แต่เจ้าโลกเองก็ยังหวาดกลัว

จะบอกว่ามันคือแดนแห่งความตายก็คงไม่ผิดนัก

“เย่หยวน เจ้าว่าอย่างไร?” หยุนหนีนั้นกล่าวขึ้นถาม

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ไม่มีอะไรจะว่า”

หยุนหนีขมวดคิ้วแน่นและกล่าวขึ้น “ไม่มีก็ตาย!”

เย่หยวนได้แต่ต้องส่ายหัวออกมาอย่างหมดแรง หญิงนางนี้มันไม่มีคำว่าเหตุผลอยู่ในสมองจริงๆ

“ก็ได้ๆ ข้าสัมผัสได้ว่ามีร่องรอยของร่างวิญญาณหมอกหุ้มอยู่ตรงนี้จริง แต่ข้าคิดว่ามันคงเป็นกับดักมากกว่า

เจ้าโลกบู๋เมี่ยท่านไม่ได้เข้าไปในห้วงมิตินี้แต่มุ่งหน้าไปทางนั้น”

เย่หยวนชี้มือไปยังอีกทิศหนึ่ง

หยุนหนีขมวดคิ้วแน่นขึ้น “ทำไมถึงคิดเช่นนั้น?”

เย่หยวนตอบกลับไป “มันมีคลื่นกำเนิดหมอกหุ้มอยู่ตรงนี้ เพียงแค่ว่ามันเบาบางอย่างมาก หากไม่ลองสัมผัสดูดีๆ แล้วมันก็ไม่อาจจะเจอได้เลย”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นหวางเฉียนก็รีบกล่าวขึ้นขัดทันที “เจ้าหมายความว่าคลื่นกำเนิดของเจ้านั้นมันเหนือล้ำกว่าคลื่นกำเนิดของท่านบรรพบุรุษบู๋เมี่ยหรือ! ข้ายังค้นหาไม่เจอแต่เจ้ากลับเจอมันแค่คนเดียว?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ข้าไม่รู้หรอกว่าคลื่นกำเนิดของข้านั้นเหนือกว่าท่านบู๋เมี่ยหรือไม่ แต่ข้ารู้ว่ามันเหนือกว่าเจ้าแน่นอน”

หวางเฉียนนั้นได้แต่ต้องกัดฟันแน่น เพราะคำพูดนี้มันเหมือนการตบหน้าเขาอย่างแรง

เขานั้นไม่รู้ว่าระดับคลื่นกำเนิดมันสูงต่ำอย่างไร

แต่ว่าเย่หยวนที่บรรลุมหาจักรพรรดิมาพร้อมคลื่นกำเนิดนั้น ย่อมสามารถสังหารเขาลงได้เหมือนบี้มดตัวหนึ่ง

ยู่เทียนกล่าวขึ้นมา “เจ้าหมายความว่ามีคนจงใจที่จะบิดเบือนร่องรอยของท่านบรรพบุรุษและล่อเราเข้านรกไป?”

เย่หยวนพยักหน้า “ข้าคิดเช่นนั้น!”

ยู่เทียนหัวเราะลั่นขึ้นมา “เช่นนั้นก็โง่แล้ว! คำพูดของเจ้ามันโง่เง่าและไม่มีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น! ร่างวิญญาณหมอกหุ้มนั้นมันมีแค่หนึ่งเดียวบนโลก หากจะมีใครสร้างรอยใหม่ขึ้นมาได้มันก็คงมีแต่เจ้าใช่หรือไม่? เรื่องนี้อย่าว่าแต่ในสวรรค์โมฆะเกินดุลต่อให้สวรรค์อื่นๆ จะรู้เรื่องด้วยว่าท่านบู๋เมี่ยหายไปแต่ใครเล่าที่จะรู้ว่ามันเป็นที่นี่? หรือว่าคนผู้นั้นรู้อนาคตว่าเราจะมา?”

เจ้าโลกอีกคนกล่าวขึ้นมา “ข้าเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของพี่ยู่เทียน เจ้าบอกว่ามีรอยคลื่นกำเนิดหมอกหุ้มทางนั้น แต่เจ้ามีวิธีพิสูจน์หรือไม่?”

เย่หยวนนั้นไม่คิดสนใจและหันไปยักไหล่ให้หยุนหนี “ข้าก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรจะพูด แต่ท่านก็บังคับให้ข้าพูด”

หยุนหนีกล่าว “เจ้าไม่มีวิธีพิสูจน์?”

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “คลื่นนั้นอ่อนแออย่างมาก แม้แต่ข้าเองก็ยังแทบจะมองข้ามมันไป หากเราคิดอยากจะตามรอยมันไปจริงๆ มันก็ไม่แน่ว่าจะตามไปจนสุดได้ ดูท่าอีกฝ่ายเองก็คงมากฝีมือไม่น้อย”

ยู่เทียนนั้นยิ้มกว้างขึ้นมา “ข้าว่าเจ้ามากกว่าที่มากฝีมือไม่น้อย! เจ้าเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเจ้านั้นมีแผนใดอยู่ในใจกันแน่! เจ้าคิดจะให้พวกเราค้นหาท่านบู๋เมี่ยไม่เจอและหวังให้เผ่าเลือดหรือตระกูลวิญญาณฉีบุกเข้ามาใช่ไหม?”

เย่หยวนที่ได้ยินต้องผงะไป ชายคนนี้ช่างมากจินตนาการดีแท้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมเทพโอสถ